อัพเดตสถานการณ์ซีเรีย กบฏฉลองยึดได้อีกเมือง เดินทัพสู่กรุงดามัสกัส

กบฏซีเรียประกาศข่าวสู้รบแค่วันเดียวก็ยึดเมืองฮอมส์ได้ทั้งเมืองเมื่อเช้าตรู่วันอาทิตย์ เป้าหมายต่อไปมุ่งหน้าสู่กรุงดามัสกัส
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงาน ชาวเมืองฮอมส์ของ ซีเรีย ต่างหลั่งไหลลงถนนหลังกองทัพถอนตัวออกจากใจกลางเมือง พากันเต้นรำและร้องกู่ก้อง “อัสซาดไปแล้ว ฮอมส์เป็นอิสระ” “ซีเรียจงเจริญ ล้มล้างบาชาร์ อัล อัสซาด”
ขณะที่กบฏพากันยิงปืนขึ้นฟ้า วัยรุ่นฉีกโปสเตอร์รูปประธานาธิบดี ผู้สูญเสียพื้นที่ควบคุมไปอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์เมื่อกองทัพล่าถอย
การยึดเมืองฮอมส์ได้ทำให้กลุ่มกบฏกุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ของซีเรียและเป็นจุดเชื่อมต่อทางหลวงสายสำคัญ ตัดกรุงดามัสกัสจากพื้นที่ชายฝั่งอันเป็นฐานที่มั่นของนิกายอะละวีของอัสซาด และพันธมิตรรัสเซียมีฐานทัพอากาศและฐานทัพเรืออยู่ที่นั่น
นอกจากนี้การยึดเมืองฮอมส์ยังเป็นสัญลักษณ์อันทรงพลัง แสดงให้เห็นการกลับมาของกลุ่มกบฏในความขัดแย้งยาวนาน 13 ปี
นายอาบู โมฮัมเหม็ด อัล โกลานี ผู้บัญชาการกลุ่มกบฏหลัก “ฮายัต ตาห์รีร์ อัล ชาม” กล่าวว่า การยึดเมืองฮอมส์ได้เป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ และเรียกร้องนักรบอย่าทำอันตราย “ผู้ที่ปลดอาวุธ”
กลุ่มกบฏปล่อยตัวนักโทษในเรือนจำหลายพันคน เผาเอกสารทิ้ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ต้องหลบไปอยู่ในที่ปลอดภัย
ขณะนี้การสู้รบเพื่อยึดประเทศซีเรียมมีแนวโน้มเข้าสู่เมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านในกรุงดามัสกัสหลายเขตออกมาประท้วงอัสซาดเมื่อเย็นวันเสาร์ (7 ธ.ค.) โดยที่กองกำลังรักษาความมั่นคงไม่อยากปราบปราม หรือไม่สามารถทำอะไรได้
นายฮัสซัน อับดุล กานี ผู้บัญชาการกบฏซีเรียแถลงเมื่อเช้าตรู่วันอาทิตย์ว่า ปฏิบัติการ “ปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์” กำลังดำเนินอยู่รอบกรุงดามัสกัส กองกำลังกบฏกำลังมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง
ที่ชานเมืองย่านหนึ่ง อนุสาวรียร์อดีตประธานาธิบดีฮาเฟซ อัล อัสซาด บิดาผู้ล่วงลับของอัสซาดถูกโค่นทำลาย
กองทัพซีเรียเผยว่า ได้เสริมกำลังรอบกรุงดามัสกัสแล้ว รายงานข่าวทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐเมื่อวันเสาร์ ระบุ อัสซาดยังคงอยู่ในเมืองหลวง
ที่นอกเมือง กบฏยึดพื้นที่ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ได้ทั้งหมดในช่วง 24 ชั่วโมงและควบคุมไว้ได้แล้ว
หวั่นตะวันออกกลางปั่นป่วนรอบใหม่
การสูญเสียเมืองฮอมส์และความสุ่มเสี่ยงของเมืองหลวง เป็นอันตรายต่อตระกูลอัสซาดที่ปกครองประเทศมาห้าทศวรรษ ทั้งยังเป็นอันตรายต่ออิหร่านผู้สนับสนุนคนสำคัญของซีเรีย
เจ้าหน้าที่ต่างชาติกล่าวว่า รัฐบาลซีเรียอาจล่มสลาย เจ้าหน้าที่สหรัฐคนหนึ่งเผยว่า ราว 5-10 วัน อีกคนกล่าวว่า อัสซาดอาจถูกโค่นภายในไม่กี่สัปดาห์
ช่วงจังหวะเวลาของเหตุการณ์ในซีเรียสร้างความตกตะลึงให้รัฐบาลชาติอาหรับ และกังวลเพิ่มขึ้นว่า ภูมิภาคอาจเกิดการไร้เสถียรภาพรอบใหม่
กาตาร์, ซาอุดีอาระเบีย, จอร์แดน, อียิปต์, อิรัก, อิหร่าน, ตุรกี และรัสเซีย ออกแถลงการณ์ร่วมว่า วิกฤตินี้เป็นพัฒนาการอันตราย พร้อมเรียกร้องให้ใช้การเมืองแก้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าพวกเขาเห็นชอบในมาตรการที่เป็นรูปธรรมใดๆ ขณะที่สถานการณ์ในซีเรียเปลี่ยนแปลงทุกชั่วโมง
จุดเริ่มต้นสงครามกลางเมือง
สงครามกลางเมืองซีเรีย ปะทุขขึ้นในปี 2011 เมื่อประชาชนลุกฮือโค่นล้มการปกครองของอัสซาด ลากให้มหาอำนาจต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง เปิดโอกาสให้กลุ่มติดอาวุธญิฮาดวางแผนโจมตีทั่วโลก และส่งผลให้ชาวซีเรียหลายล้านคนต้องลี้ภัยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
กลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล ชาม กบฏที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นอดีตเครือข่ายอัลกออิดะห์ในซีเรีย สหรัฐและหลายชาติจัดให้เป็นองค์กรก่อการร้าย และชาวซีเรียจำนวนมากยังคงหวาดหวั่นเพราะใช้การปกครองนิยมอิสลามอันโหดร้าย
นายโกลานีพยายามสร้างความมั่นใจให้กับกบฏกลุ่มอื่นๆและประชาคมโลกว่า จะไม่เข้าแทรกแซงกลุ่มกบฏและไม่เห็นด้วยกับการโจมตีในต่างประเทศ
นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อวันเสาร์ว่าเขาเชื่อคำพูดของนายโกลานีหรือไม่
“บทพิสูจน์อยู่ที่ผลลัพธ์” นายลาฟรอฟกล่าว
ฮิซบอลเลาะห์ต้องถอย
แหล่งข่าวกองทัพซีเรียเผยกับรอยเตอร์สในวันอาทิตย์ว่า ฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอนที่มีอิหร่านหนุนหลัง ได้ถอนกำลังออกจากเมืองคูไซร์ของซีเรียซึ่งเป็นพรมแดนติดกับเลบานอนก่อนกบฏยึดเมืองไว้ได้
แหล่งข่าวเผยว่ารถหุ้มเกราะอย่างน้อย 150 คันบรรทุกนักรบของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์หลายร้อยคนออกจากเมือง ซึ่งตั้งอยู่บนเส้นทางขนถ่ายโอนอาวุธและนักรบใช้เคลื่อนตัวเข้าและออกจากซีเรีย แหล่งข่าวรายหนึ่งเผยว่าอิสราเอลโจมตีขบวนรถหนึ่งขบวนขณะกำลังออกเดินทาง
บทบาทพันธมิตรอัสซาด
ตลอดเวลาที่ผ่านมาอัสซาดต้องพึ่งพาพันธมิตรกำราบกบฏ เครื่องบินรบรัสเซีย ที่มาช่วยทิ้งระเบิด ส่วนอิหร่านส่งกองกำลังพันธมิตร เช่น ฮิซบอลเลาะห์และกลุ่มติดอาวุธอิรักมาช่วยกองทัพซีเรียบุกฐานที่มั่นกลุ่มกบฏ
แต่รัสเซียมุ่งทำ สงครามยูเครน ตั้งแต่ปี 2022 ฮิซบอลเลาะห์ก็เสียหายหนักจากการทำสงครามกับอิสราเอล อิหร่านจึงช่วยอัสซาดไม่ได้มากเหมือนก่อน
ด้านว่าที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยกล่าวว่า สหรัฐจะไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งนี้และควร “ปล่อยไป”