นักวิเคราะห์คาด 'เฟด' ลดดอกเบี้ย 0.25% ส่งท้ายปีใหม่ 'ไบเดน' หมดวาระ

นักวิเคราะห์คาด 'เฟด' ลดดอกเบี้ย 0.25% ส่งท้ายปีใหม่ 'ไบเดน' หมดวาระ

ในการประชุมครั้งสุดท้ายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในยุคของประธานาธิบดีโจ ไบเดน อาจประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในวันพุธ (18 ธ.ค.) แม้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ก็ตาม

เอเอฟพีรายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในวันพุธ (18 ธ.ค.) และมีแนวโน้มที่จะส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางความไม่แน่นอนของผลกระทบจากนโยบายทางเศรษฐกิจของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

การประชุมของเฟดในวันอังคาร (17 ธ.ค.) และวันพุธ ที่จะถึงนี้ เป็นการตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายก่อนที่ปธน.ไบเดนจะออกจากทำเนียบขาว หรือหมดวาระในวันที่ 20 ม.ค. 2568 ส่งกุญแจให้กับทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันให้ดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่ารัฐบาลทรัมป์จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญ

เกรกอรี ดาโค หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ EY เผยกับเอเอฟพีว่า “เฟดอาจผ่อนปรนนโยบายการเงินมากขึ้นเมื่อพิจารณาจากนโยบายที่รัฐบาล (ทรัมป์) จะนำมาใช้” และเขาคาดว่าผู้กำหนดนโยบายจะลงมติลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ แม้เฟดมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการอย่างเป็นอิสระจากรัฐสภาในการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อและอัตราการว่างงาน แต่เฟดยังคงต้องพิจารณาผลกระทบของนโยบายการคลังของรัฐบาลต่อเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้

ในการเลือกตั้งเดือนพ.ย. ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะจัดการกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญอันดับต้นๆ ของชาวอเมริกันและทำให้เขาคว้าชัยเหนือรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริสได้ แต่นักวิเคราะห์หลายคนได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับนโยบายริเริ่มที่สำคัญบางประการโดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยคุกคามโดยการจัดเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่กับสินค้านำเข้าและส่งแรงงานไร้ใบอนุญาติหลายล้านคนกลับประเทศ

ไดแอน สวอนก์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ KPMG บอกว่า นโยบาย 2 รายการข้างต้นจะทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น และขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจด้วยและเธอคาดว่าเฟดอาจประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในวันพุธเช่นกัน

เฟดลดดอกเบี้ยมาเท่าไรแล้ว

ตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมาเฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.75% โดยเปลี่ยนจากการให้ความสำคัญกับเป้าหมายเงินเฟ้อระยะยาวที่ 2%เป็นการสนับสนุนตลาดแรงงานมากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงท่าทีของเฟดนั้นขับเคลื่อนมาจากตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ยังคงมีความใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ 2%

ขณะเดียวกันเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเติบโตแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ ส่วนตลาดแรงงานหดตัวลงเล็กน้อย แต่โดยรวมยังคงมีความยืดหยุ่น

ทั้งนี้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%ในสัปดาห์นี้จะทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้หลักของเฟดลดลงเหลือระหว่าง 4.25-4.50%ซึ่งลดลงต่ำกว่าจากช่วงก่อนที่ผู้กำหนดนโยบายจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปีนี้

ข้อมูลของ CME Group ระบุตลาดฟิวเจอร์สคาดการณ์ว่ามีความน่าจะเป็นมากกว่า 95% เมื่อวันศุกร์ (13 ธ.ค.) ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%แต่ภาพรวมของปีหน้าดูไม่ค่อยแน่นอนมากนัก โดยตลาดการเงินมีโอกาสต่ำกว่า 65% ที่อัตราดอกเบี้ยจะลดลง 0.75%ในสิ้นปี 2568 เมื่อเทียบกับปัจจุบัน ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%อีกสองครั้งในปีหน้า นอกเหนือจากที่คาดว่าจะปรับลดในวันพุธนี้

ลดแบบค่อยเป็นค่อยไป

ในเดือนก.ย.สมาชิกของคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ได้คาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมโดยเฉลี่ย 4 ครั้งในปี 2568 โดยคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานจะลดลงเหลือราว 3.25-3.5% ซึ่งเมื่อพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยนับแต่นั้นนักวิเคราะห์บางคนจึงคาดการณ์ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าอาจจะช้าลง

นักเศรษฐศาสตร์จากBarclays คาดการณ์ไว้ว่า เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในวันพุธ และ “ส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้นหลังจากนั้น”

พวกเขาคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงสองครั้งในปี 2025

ด้านนักเศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมนแซคส์ ระบุในบันทึกสำหรับนักลงทุนคาดว่า เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธ.ค. ม.ค. และมี.ค. และตามด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทุกไตรมาสในเดือนมิ.ย.และก.ย. แต่เสริมว่าความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่ Fed เพิ่มความเสี่ยงที่ FOMC อาจชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วขึ้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นในการประชุมเดือนม.ค.