‘มูดีส์’ เพิ่มคาดการณ์ GDP จีนปี 68 โต 4.2% หลังอัดฉีดมาตรการฟื้นเศรษฐกิจ

‘มูดีส์’ เพิ่มคาดการณ์ GDP จีนปี 68 โต 4.2% หลังอัดฉีดมาตรการฟื้นเศรษฐกิจ

’มูดีส์‘ เพิ่มคาดการณ์ GDP จีนปี 68 โต 4.2% หลังอัดฉีดมาตรการฟื้นเศรษฐกิจ แต่ตัวเลขค้าปลีกจีนเดือนพ.ย. โตต่ำกว่าคาดการณ์ สะท้อนแรงกดดัน 'เงินฝืด‘

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มูดีส์ สถาบันจัดอันดับเครดิตชั้นนำระดับโลก ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP จีนปี 2568 เป็น 4.2% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 4.0% โดยคาดว่า สภาวะสินเชื่อจะเริ่มคงที่ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนนับตั้งแต่เดือนกันยายนจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่อาจสูงขึ้น

อย่างไรก็ดี ซีเอ็นบีซีรายงานอ้างสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนว่า ตัวเลขค้าปลีกจีนในเดือนพ.ย. ขยายตัวได้เพียง 4.6% เมื่อเทียบเดือนเดียวกันปีก่อน ซึ่งกว่าที่โพลล์นักวิเคราะห์ของรอยเตอร์สคาดการณ์ไว้ที่ 4.8% สะท้อนให้เห็นสถานการณ์ "กำลังซื้อในจีนที่ยังคงฝืดเคือง"

ตัวเลขดังกล่าวยังโตต่ำกว่าเมื่อเทียบรายเดือนจากที่ขยายตัวได้ 4.8% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเดือนต.ค. เป็นช่วงเทศกาลวันคนโสด 11.11 ซึ่งเป็นเทศกาลช้อปปิ้งใหญ่ประจำปีของจีน และปีนี้ยังจัดแคมเปญเร็วขึ้นกว่าปีที่แล้ว 1 สัปดาห์อีกด้วย

รัฐบาลเตรียมกระตุ้นใหญ่ปีหน้า 

ในการประชุม Central Economic Work Conference เมื่อสัปดาห์ที่แล้วซึ่งนำโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และคณะผู้บริหารระดับสูงด้านเศรษฐกิจ ที่ประชุมได้ส่งสัญญาณถึงความเร่งด่วนมากขึ้นในการ "เข้าพยุงเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่" และเปลี่ยนโฟกัสนโยบายเศรษฐกิจไปที่ "การกระตุ้นการบริโภค" ในขณะที่ปักกิ่งกำลังเตรียมรับมือกับความตึงเครียดด้านการค้ากับสหรัฐที่อาจทวีความรุนแรงขึ้นในปีหน้า เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเต็มตัว

บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนให้คำมั่นว่าจะใช้ "เครื่องมือการคลังเชิงรุก" และ "นโยบายการเงินผ่อนปรนในระดับปานกลาง" ในปีหน้า รวมถึงจะ "เพิ่มการบริโภคภายในประเทศ" และกระตุ้นอุปสงค์ในทุกด้านอย่างเต็มที่ ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัว

สัญญาณนี้ยังนับครั้งแรกที่รัฐบาลปักกิ่งยอมรับว่า "นโยบายการเงินของจีนควรจะผ่อนปรนลงมา" นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกครั้งใหญ่ (วิกฤติซับไพรม์) ในปี 2551

ตั้งแต่ปลายเดือนก.ย. เป็นต้นมา ทางการจีนได้เร่งประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อพยุงเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและผ่อนปรนเกณฑ์การซื้ออสังหาริมทรัพย์ ส่วนในด้านการคลัง กระทรวงการคลังได้เปิดเผยแผน 5 ปีมูลค่า 10 ล้านล้านหยวน (ราว 47 ล้านล้านบาท) ในเดือนพ.ย. เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดจากจีนในเดือนพ.ย. ยังคงตอกย้ำให้เห็นถึงแรงกดดันด้าน "ภาวะเงินฝืด" ที่ยังคงฝังอยู่ในเศรษฐกิจที่กำลังถดถอยลง

อ้างอิง Reuter