กู้วิกฤติเศรษฐกิจซีเรียโจทย์หินรัฐบาลใหม่
สงครามกลางเมือง การถูกคว่ำบาตร ส่งผลให้เศรษฐกิจซีเรียหดตัวไปมากกว่า 80% ค่าเงินดิ่งเหว เงินเฟ้อพุ่งในช่วงสงครามกลางเมืองที่ผ่านมา รัฐบาลใหม่ส่งสัญญาณจะใช้ ระบบเศรษฐกิจตลาดเสรีเพื่อกอบกู้วิกฤติ
ชาวซีเรียทั่วประเทศกำลังอยู่ในอารมณ์เฉลิมฉลองเสรีภาพทางการเมือง หลังสงครามกลางเมือง 13 ปี และการปกครองเผด็จการอันโหดร้ายของตระกูลอัสซาดในช่วง 54 ปี สิ้นสุดลง เมื่อฝ่ายกบฎสามารถโค่นรัฐบาล และประธานาธิบดีบา ชาร์ อัล อัสซาดต้องหนีออกนอกประเทศไปลี้ภัยที่รัสเซีย
ท่ามกลางความยินดีปรีดาปัญหาท้าทายมากมายรออยู่ หนึ่งในนั้นคือวิกฤติเศรษฐกิจจะแก้อย่างไร
ธนาคารโลกประเมินว่า จีดีพี (GDP) ซีเรียหดตัวลงประมาณ 84% ในช่วงสงครามกลางเมือง 2011-2023 ในขณะที่ตัวเลขของอดีตรัฐบาลซีเรียระบุว่า หดตัว 54 % ในระหว่างปี 2010 ซึ่งเป็นปีก่อนสงครามการเมือง จนถึงปี 2021 ที่สงครามยังดำเนินอยู่
- ค่าเงินซีเรียอ่อนลงประมาณ 30,000 %
ธนาคารโลกชี้ว่า สงครามกลางเมืองและการถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจทำให้ค่าเงินปอนด์ซีเรียอ่อนค่าลงอย่างมาก ตามรายงานของธนาคารโลกอัตราแลกเปลี่ยนทางการค่าเงินปอนด์ซีเรียอ่อนค่าลงจาก 1 ดอลลาร์แลกได้ 47 ปอนด์ซีเรีย ในปี 2011 เป็น 12,562 ในปี 2023 ในขณะอัตราแลกเปลี่ยในตลาดลงมากถึง 14,122 ปอนด์ซีเรีย
ธนาคารโลกประเมินด้วยว่า ในปี 2023 ค่าเงินปอนด์ซีเรียอ่อนค่าลงอย่างมากถึง 141%เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
เงินอ่อนค่าทำให้กระทบกับอำนาจซื้อของครัวเรือนอย่างมาก ธนาคารโลกคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 2023 พุ่งขึ้น 115% แต่เงินเฟ้อในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเขตปกครองของกบฎ ที่เป็นแหล่งผลิตน้ำมันและอาหารมีเงินเฟ้อต่ำกว่าพื้นที่อดีตรัฐบาลซีเรียครอบครอง
ตัวเลขของสหประชาชาติระบุว่าประชากรประมาณ 90 % ยากจน, 12.9 ล้านคนขาดแคลนอาหาร และ 6.8 ล้านคนหรือ ประมาณ 30% ของประชากรต้องพลัดถิ่นฐานในประเทศ
สงครามได้ทำลายล้างเสาหลักสองเสาของเศรษฐกิจซีเรีย ซึ่งได้แก่ น้ำมันและเกษตรกรรม แม้การส่งออกน้ำมันจะเล็กน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลาง แต่คิดเป็นประมาณ 1ใน 4 ของรายได้รัฐบาลในปี 2010 การผลิตอาหารมีส่วนสร้าง GDP ในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน
ความขัดแย้งได้ทำลายโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ส่งผลให้ระบบไฟฟ้า การขนส่ง และสาธารณสุขได้รับความเสียหายอย่างถาวร เมืองหลายแห่ง เช่น อาเลปโป ร็อกกา และโฮมส์ ถูกทำลายล้างเป็นวงกว้าง
นอกจากนี้ เศรษฐกิจซีเรียยังได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือนภายนอก เช่น ผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเลบานอนและตุรกีซึ่งเริ่มตั้งแต่ปลายปี 2019, การระบาดของ COVID-19, การระบาดของโรคอหิวาตกโรค, ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้นหลังสงครามในยูเครน, แผ่นดินไหวในซีเรียและตุรกีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2023, การโจมตี(จากตุรกี สหรัฐ อิสราเอล) ที่เพิ่มมากขึ้น และการหยุดชะงักทางการค้าจากผลกระทบความขัดแย้งใน ตะวันออกกลาง
- ท่าทีของรัฐบาลใหม่
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า รัฐบาลซีเรียชุดใหม่ได้แจ้งต่อบรรดานักธุรกิจว่า รัฐบาลซีเรียจะใช้รูปแบบตลาดเสรีและผนวกเศรษฐกิจซีเรียเข้ากับเศรษฐกิจโลก ถือเป็นการพลิกโฉมจากการควบคุมของรัฐและเต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชันมาหลายทศวรรษ
“เศรษฐกิจจะเป็นระบบตลาดเสรีบนพื้นฐานของการแข่งขัน” บาสเซล ฮัมวี ประธานหอการค้าดามัสกัส ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์สสามวันหลังจากกองกำลังกบฏโค่นล้มรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด
นักธุรกิจซีเรียและคนส่วนใหญ่ในประเทศกำลังจับตาดูว่า รัฐบาลซีเรียชุดใหม่ที่นำโดยกลุ่มอิสลามนิยม (Islamist) จะบริหารประเทศอย่างไร พวกเขาแสดงความยินดีกับสัญญาณที่ว่าจะมีการเปิดเศรษฐกิจเพื่อการลงทุนที่จำเป็นต่อการฟื้นฟูหลังจากสงครามกลางเมืองยาวนาน 13 ปี แต่พวกเขายังต้องการรอดูว่า กลุ่มฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม(Hayat Tahrir al-Sham:HTS) จะทำสำเร็จหรือไม่
ซีเรียใช้มาตรการควบคุมการนำเข้าและส่งออกอย่างเข้มงวดมาเป็นเวลานาน โดยกำหนดให้ผู้ค้าต้องขออนุญาตนำเข้าก่อน จากนั้นจึงฝากเงินปอนด์ซีเรียที่ธนาคารกลางเพื่อแลกกับเงินดอลลาร์ ขั้นตอนยุ่งยากนี้ทำให้เกิดความล่าช้าและส่ง ผลให้สินค้าจำเป็นขาดแคลน การซื้อขายสกุลเงินต่าง ประเทศในตลาดอาจจะต้องติดคุก แต่วันนี้ทุกคนแลกเงินได้ เป็นการทั่วไป นับแต่ประธานาธิบดีอัสซาดถูกขับไล่
- ตลาดเสรีเป็นไปได้หรือไม่
ขณะประชุมกับคณะผู้แทนรัฐบาลซึ่งนำโดย บาสเซล อับดุล อาซิส รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจชั่วคราวของซีเรีย บาสเซล ฮัมวี ประธานหอการค้าดามัสกัส
ได้รับแจ้งจากอับดุล ลาซิสว่า ระบบศุลกากรที่ควบคุมการค้าอย่างเข้มงวดจะถูกยกเลิก เพื่อตอบสนองความต้องการของบรรดาพ่อค้าและผู้ประกอบการ อุตสาหกรรม
สำนักข่าวรอยเตอร์สได้พูดคุยกับนักธุรกิจชาวซีเรียที่มีชื่อเสียง 4 ราย พวกเขารู้สึกยินดีกับแนวนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ซึ่งแตกต่างอย่างมากจากระบบที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยกลุ่มนักธุรกิจผู้จงรักภักดีกลุ่มเล็กๆ ที่ใกล้ชิดกับ ประธานาธิบดีอัสซาด
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์เห็นว่าการรักษาเสถียรภาพและการเปิดเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญในการกระตุ้นการลงทุนใหม่ และเพื่อให้ชาวซีเรียหลายล้านคนกลับมา รวมถึงคนจำนวนมากที่เป็นชนชั้นกลางที่มีการศึกษาและหนีภัยสงคราม
“มีชาวซีเรียในต่างแดนจำนวนมากที่มีการศึกษาและร่ำรวยพอสมควร ต้องการสร้างประเทศขึ้นมาใหม่ ซึ่งเศรษฐกิจอาจเติบโตสูงเป็นตัวเลขสองหลักในอีกหลายปีข้างหน้า” เจ้าหน้าที่การเงินระดับอาวุโสประจำภูมิภาคกล่าวโดยขอไม่เปิดเผยชื่อกล่าวกับรอยเตอร์ส
ฮัมวีกล่าวว่าได้รับโทรศัพท์จากนักธุรกิจซีเรียในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องการทราบว่ารัฐบาลชุดใหม่จะดำเนินนโยบายด้านการค้าขายอย่างไร ซึ่งเขาได้ เร่งเร้าให้คนเหล่านั้นกลับบ้าน ประเทศต้องการการลงทุนมหาศาลเพื่อการฟื้นฟู อุตสาหกรรมและบริการ “พวกเขาจะ เป็นผู้มีส่วนสนับสนุนที่สำคัญที่สุดต่อการพัฒนาซีเรีย” ฮัมวี กล่าว
เพื่อกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจ ผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศระบุว่า รัฐบาลซีเรียจะต้องเข้าถึงแหล่งน้ำมันสำคัญซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือและตะวันออกของประเทศภายใต้การควบคุมของกองกำลังที่นำโดยชาวเคิร์ด พวกเขายังต้องโน้มน้าวมหาอำนาจ ตะวันตกให้ยกเลิกการคว่ำบาตร รวมทั้งเอากลุ่ม HTS ซึ่ง เป็นกลุ่มการเมืองและการทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในซีเรียใน ปัจจุบัน และผู้นำของกลุ่มออกจากบัญชี “ผู้ก่อการร้าย” ด้วย