‘อาลีบาบา’ ขายทิ้งห้างใหญ่ในจีน มุ่งหน้าธุรกิจหลัก ยอมขาดทุน 4.4 หมื่นล้านบาท

‘อาลีบาบา’ ขายทิ้งห้างใหญ่ในจีน มุ่งหน้าธุรกิจหลัก ยอมขาดทุน 4.4 หมื่นล้านบาท

‘อาลีบาบา’ เตรียมขายทิ้ง ‘อินไทม์’ ห้างใหญ่ในจีน ยอมขาดทุน 4.4 หมื่นล้านบาท เพื่อมุ่งหน้าสู่ธุรกิจหลักอย่าง ‘อีคอมเมิร์ซ และคลาวด์คอมพิวติ้ง’ เพื่อความอยู่รอดในตลาดแข่งขันสูง

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า กลุ่มอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน ประกาศการขายหุ้นในห้างสรรพสินค้าอินไทม์ (Intime) ให้กับบริษัทเสื้อผ้า Youngor Group และสมาชิกในทีมผู้บริหารของ Intime โดยธุรกรรมดังกล่าวจะสร้างรายได้รวม 7.4 พันล้านหยวน ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ให้กับอาลีบาบา ซึ่งปัจจุบันถือหุ้น 99% ใน Intime แต่อาลีบาบาจะบันทึกผลขาดทุนถึง 9.3 พันล้านหยวน หรือราว 4.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากมูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์ของ Intime ที่ลดลง 

การขาย Intime ในครั้งนี้อาจเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ของอาลีบาบา ที่ต้องการมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลัก เช่น อีคอมเมิร์ซ และคลาวด์คอมพิวติ้ง หรืออาจเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของตลาดค้าปลีกที่ทำให้บริษัทต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด

อาลีบาบาลงทุนใน Intime ตั้งแต่ปี 2014 และเข้าซื้อกิจการอย่างสมบูรณ์ในปี 2017 โดยมูลค่าธุรกรรมที่ระบุในตอนแรกคือ 2.6 พันล้านดอลลาร์ แต่ต่อมาได้มีการเปิดเผยในรายงานประจำปีว่า อาลีบาบาได้จ่ายเงินไป 1.6 พันล้านดอลลาร์ ในการแปรรูป Intime ซึ่งความแตกต่างของตัวเลขนี้อาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น การปรับปรุงมูลค่า องค์ประกอบของข้อตกลง หรือความแตกต่างในการรายงาน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาลีบาบาได้กลับมาให้ความสำคัญกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทอีกครั้ง เนื่องจากมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นจากคู่แข่งรายใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Pinduoduo ซึ่งเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม Temu และ Bytedance บริษัทแม่ของ TikTok ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดอีคอมเมิร์ซ

อ้างอิง Reuters

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์