สื่อสิงคโปร์ขยี้ต่อ ‘อันวาร์’ตั้งทีมที่ปรึกษาอาเซียน ‘เวิร์ก-ไม่เวิร์ก’

แชนเนลนิวส์เอเชียของสิงคโปร์รายงาน การที่นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซียแต่งตั้งทีมที่ปรึกษาประธานอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ กลายเป็นที่ร่ำลือกันไปทั่วทั้งยังก่อให้เกิดคำถามว่าทีมจะทำงานอย่างไร
เหล่านักวิเคราะห์มองว่า ความเคลื่อนไหวของอันวาร์ไม่เคยมีมาก่อน ผู้สังเกตการณ์รายหนึ่งกล่าวว่าเป็นไปได้ว่าอาจมีเป้าหมายทำประเด็นในภูมิภาคที่ “แทบแก้ไม่ตก” อย่างวิกฤติเมียนมาหรือความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ให้คืบหน้า ส่วนคนที่เหลือระบุ ต้องดูกันต่อไปว่าอันวาร์จะทำตามแผนการนี้หรือไม่
ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ (16 ธ.ค.) อันวาร์กล่าวว่า ได้แต่งตั้งอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ร่วมทีมที่ปรึกษา “ไม่เป็นทางการ” อันประกอบด้วยรัฐบุรุษผู้มากประสบการณ์ เมื่อมาเลเซียเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า
อันวาร์ประกาศเรื่องนี้ในช่วงที่นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ธิดาของทักษิณ มาเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ โดยกล่าวว่า “ทีมไม่เป็นทางการ” นี้จะประกอบด้วย “สมาชิกจากประเทศอาเซียน”
คนอื่นๆ ที่มีรายงานว่าอาจมาร่วมทีมด้วย เช่น จอร์จ เยว อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ และเรตโน มาร์ซูดี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย
เยว ผู้พูดและเขียนเกี่ยวกับจีนมากมายนับตั้งแต่พ้นจากตำแหน่งทางการเมืองในปี 2011 ทุ่มเทอย่างมากเรื่องการบูรณาการของอาเซียน ขณะที่มาร์ซูดี ที่ตอนนี้เป็นทูตพิเศษด้านน้ำของสหประชาชาติ มีประสบการณ์ในการจัดการประเด็นเมียนมา โดยเฉพาะในช่วงที่อินโดนีเซียเป็นประธานอาเซียนในปี 2023
เคลื่อนไหว‘แตกต่าง’หวังสร้างสิ่งใหม่
ชารอน เซียห์ นักวิจัยอาวุโส ผู้ประสานงานศูนย์อาเซียนศึกษาของISEAS-Yusof Ishak Institute กล่าวว่า “เท่าที่จำได้” ไม่เคยมีประธานอาเซียนแต่งตั้งทีมที่ปรึกษาไม่เป็นทางการ แม้เป็นเรื่องปกติที่อาเซียนจะแต่งตั้งผู้มากความสามารถหรือคณะทำงานระดับสูงเน้นที่ประเด็นใดประเด็นหนึ่งเป็นการเฉพาะ
“ในมุมนี้ ค่อนข้างแปลกสำหรับประเทศประธานอาเซียนที่แต่งตั้งกลุ่มไม่เป็นทางการขึ้นมาเอง เผลอๆ นายกฯ อันวาร์อาจรู้สึกว่า เขาจะได้ประโยชน์จากประสบการณ์ของคนที่เคยทำงานกับอาเซียนในตำแหน่งรัฐมนตรี มาให้คำแนะนำและช่วยเหลือในประเด็นยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการเป็นประธานอาเซียนของมาเลเซีย”
บิลาฮารี กัวสิกัน อดีตปลัดกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์กล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนว่าความเคลื่อนไหวของอันวาร์จะส่งผลใดต่ออาเซียน
“ไม่มีใครรู้จริงๆ เพราะไม่เคยมีมาก่อน และไม่ชัดเจนเลยว่า ทำไมมาเลเซียตัดสินใจทำสิ่งนี้ แต่จะเป็นการให้คำปรึกษาและแนะนำกับประธานไม่ใช่กับอาเซียนทั้งหมด” อดีตปลัดกระทรวงฯ กล่าวและว่า ต่อให้ประธานอาเซียนรับคำแนะนำจากทีม แต่ด้วยหลักการฉันทามติของอาเซียนเท่ากับว่า รัฐสมาชิกไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม
โดยส่วนตัวเขารู้สึกว่า ความเคลื่อนไหวของอันวาร์เป็น “การแสดงมากกว่าอย่างอื่น”
“อันวาร์เคยมีประวัติแสดงท่าทีว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำตามแผน ดังนั้นแทนที่จะคาดเดากันไป ผมว่าเราแค่รอดูว่าถ้าทำจริงอะไรจะเกิดขึ้น”
รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย แจง 3 เหตุผลตั้งทักษิณ
ในมาเลเซียเองก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ท่าทีของอันวาร์เช่นกัน นักการเมืองจากพรรคฝ่ายค้าน Parti Islam Se-Malaysia ตั้งคำถามถึงการตั้งทักษิณผู้ต้องคดีทุจริตและใช้อำนาจโดยมิชอบ และการแต่งตั้งนี้นายกฯ มาเลเซียได้ประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่
โมฮัมหมัด ฮาซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย ชี้แจงว่า ทักษิณเป็นคนที่สหรัฐยอมรับ ใกล้ชิดจีน และมีอิทธิพลในไทย อาจเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับมหาอำนาจโลกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
โจชัว เคอร์ลันท์ซิค นักวิจัยอาวุโสด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กลุ่มคลังสมองในสหรัฐ เรียกวิกฤติเมียนมาและความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ที่อาเซียนหลายประเทศอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนกับจีน ว่าเป็น “ปัญหาใหญ่” ที่อาเซียนขาดความสามารถแก้ไข
“ผมคิดว่าอันวาร์กำลังพยายามก้าวข้ามระบบราชการบางอย่างและแนวทางปกติของอาเซียน แล้วใช้กลุ่มไม่เป็นทางการผ่าทางตัน ผมคิดว่าเป้าหมายของเขาคือการสร้างฉันทามติแล้วทำอาเซียนให้มีพลังมากขึ้น แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ เนื่องจากทะเลจีนใต้และเมียนมาเป็นประเด็นที่แทบจะแก้ไม่ตกเลย ไม่ว่าอันวาร์จะทำอะไรก็ตาม” โจชัวกล่าว
ทั้งนี้ จีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่มากมายในทะเลจีนใต้ ที่บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามก็อ้างเช่นกัน ขณะเดียวกันอาเซียนก็พยายามเจรจาแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (code of conduct) เพื่อแก้ไขข้อพิพาท
ส่วนเมียนมาเกิดความไม่สงบมาตั้งแต่การรัฐประหาร เมื่อเดือน ก.พ.2021 ทหารโค่นรัฐบาลพลเรือนของอองซาน ซูจี ทำให้เกิดการประท้วงและรัฐบาลทหารต้องดิ้นรนรักษาอำนาจ
อาเซียนทำสิ่งที่ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนัก กีดกันเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลทหารเมียนมาเข้าประชุมในปี 2023 และเห็นชอบตั้ง “กลไกสามฝ่าย” (อาเซียนทรอยกา) ประกอบด้วยประธานอาเซียนอดีต ปัจจุบัน และอนาคตมาจัดการวิกฤติเมียนมา แต่ความพยายามนำแผนสันติภาพที่เรียกว่าฉันทามติห้าข้อที่อาเซียนยอมรับในปี 2021 กลับถูกรัฐบาลทหารละเลย ขณะที่การทูตปิดทองหลังพระ (quiet diplomacy) ที่ไทยและอินโดนีเซียทำกันเองก็คืบหน้าเล็กน้อย
ทำงานหลังฉาก
นักวิเคราะห์กล่าวว่า อันวาร์ ในฐานะผู้นำประเทศประธานอาเซียน มีสิทธิแต่งตั้งที่ปรึษาส่วนตัวได้ แต่สัญญาณที่ส่งมาให้มุมมองผสมผสาน
“เป็นไปได้มากที่นายกฯ อันวาร์รู้สึกว่าจำเป็นต้องได้คำแนะนำจากคนเก่าๆ ของอาเซียนบางคนและ (นั่น) ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เนื่องจากความท้าทายด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาเซียนเผชิญอยู่ในตอนนี้ ดิฉันเชื่อว่า กลุ่มนี้จะทำงานเบื้องหลัง และไม่ไปร่วมประชุมรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการหรือประชุมผู้นำ” เซียห์ให้ความเห็น
โจแอน หลิน นักวิจัยอาวุโสและผู้ประสานงานร่วม ศูนย์อาเซียนศึกษาISEAS-Yusof Ishak Institute กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของอันวาร์อาจมองได้ว่าเป็นการยอมรับถึงความจำเป็นของการใช้ภูมิปัญญาร่วมกัน เพื่อให้เกิดทางออกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัดสินใจเพื่อภูมิภาคได้ดีขึ้น
“นอกจากนี้แนวทางปรึกษาหารือของอันวาร์อาจมีเป้าหมายเพื่อให้ได้ความร่วมมือในวงกว้างขึ้น ลดการต่อต้านการริเริ่มของมาเลเซียเพื่อบรรลุฉันทามติภายในอาเซียนได้มากขึ้น” หลินกล่าว
แต่จามิล กานีว่าที่ดุษฎีบัณฑิตจากวิทยาลัยการต่างประเทศศึกษา เอส ราชารัตนัมของสิงคโปร์ ผู้ทำวิจัยเรื่่องนโยบายต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า การที่อันวาร์พึ่งพาบทบาทที่ปรึกษาไม่เป็นทางการอาจส่งสัญญาณการยอมรับถึงช่องว่างความเชี่ยวชาญระดับสถาบัน หรือความพร้อมที่ประธานอาเซียนจะฝ่าความซับซ้อนโดยอิสระ
“แม้แนวทางที่ปฏิบัติได้นี้สามารถให้มุมมองอันทรงคุณค่าและส่งเสริมการตัดสินใจ แต่การสร้างหลักประกันถึงความโปร่งใสและครอบคลุมจะสำคัญยิ่งต่อนายกฯ อันวาร์ ในการรักษาความเชื่อมั่นของสาธารณชนระหว่างการเป็นประธานอาเซียนของเขา” กานีกล่าวกับซีเอ็นเอ
เคารพกัน-สัมพันธ์ยาวนาน
จามิล ซึ่งเป็นนักวิจัยที่กลุ่มคลังสมอง “สถาบันยุทธศาสตร์และการระหว่างประเทศศึกษา” ของมาเลเซียด้วย กล่าวว่า ความสัมพันธ์ของอันวาร์กับทักษิณ อดีตนายกฯ ไทยระหว่างปี 2001-2006 “มีรากฐานมาจากความเคารพและให้ความสำคัญกับภูมิภาคร่วมกันมาหลายสิบปี” สังเกตจากแนวทางการเมืองคู่ขนานและความพยายามแก้ไขความท้าทายข้ามพรมแดน
นอกจากนี้อันวาร์ยังมี “สายสัมพันธ์ยาวนาน” กับเยว อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ การแลกเปลี่ยนความเห็นกันบ่อยครั้งเสริมสร้างความไว้ใจ เข้าอกเข้าใจกันและกัน และยังมีมุมมองต่ออนาคตอาเซียนไปในทางเดียวกัน
ส่วนหลินมองว่า การที่เยวอยู่ในรัฐบาลสิงคโปร์นาน 23 ปี เป็นพลังผลักดันอยู่เบื้องหลังหลายโครงการ เช่น ประชาคมอาเซียน (เออีซี) และกฎบััตรอาเซียน
จามิลมองว่า การมีทั้งเยวและทักษิณร่วมทีมอาจมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แม้เสี่ยงถูกมองว่าเป็น “ชมรมมนุษย์ลุง” และอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของภูมิภาคต่อประธานอาเซียนได้ แต่อาเซียน “เคยดำเนินการผ่านเครือข่ายชนชั้นนำอย่างไม่เป็นทางการมาช้านาน เป็นเครือข่ายผู้นำประเทศที่ครองอำนาจยาวนานร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด” จามิลย้ำ
เซียห์กล่าวเสริมว่า ในบรรดาสามคน เรตโน อดีต รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซียถือว่าใหม่ที่สุด และมีประสบการณ์เรื่องปัญหาเมียนมาสดๆ ร้อนๆ สมัยอินโดนีเซียเป็นประธานอาเซียนเธอเคยประชุมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องเมียนมากว่า 300 ครั้ง
"ปัญหาสำคัญประการหนึ่งที่อาเซียนไม่สามารถแก้ไขให้เรียบร้อยได้คือปัญหาภายใน วิกฤติเมียนมาซึ่งกำลังท้าทายความเป็นเอกภาพของกลุ่ม และกำลังท้าทายความเป็นแกนกลางของอาเซียน ในมุมนี้ ถ้ามีกลุ่มหนึ่งสามารถให้คำแนะนำได้ว่า อาเซียนจะรับมือกับวิกฤติเมียนมาให้ดีขึ้นได้อย่างไร ก็น่าจะมีประโยชน์” เซียห์กล่าว
แม้ความเคลื่อนไหวของอันวาร์จะเป็นความเคลื่อนไหวอิสระ ที่มีหลายคนช่วยให้ “แนวคิดนอกกรอบ” และทางออกของวิกฤติเมียนมา แต่ตัง ซิวมุน จากISEAS-Yusof Ishak Institute ตั้งคำถามว่า ทีมที่ปรึกษาจะมาเพิ่มระดับความล่าช้าและยิ่งทำให้นายกฯ มาเลเซียกับทูตพิเศษอาเซียนห่างเหินต่อกันหรือไม่
มาเลเซียยังไม่ได้ประกาศว่าจะแต่งตั้งใครเป็นทูตพิเศษต่อจากอาลุนแก้ว กิดติคุน นักการทูตลาว
“เป็นหน้าที่ของมาเลเซียที่ต้องทำให้มั่นใจได้ว่า ทีมที่ปรึกษาไม่เป็นทางการต้องไม่ดึงความสนใจจากงานของทูตพิเศษประธานอาเซียนว่าด้วยเมียนมาและอาเซียนทรอยกา” ตัง นักวิจัยอาวุโสกล่าวทิ้งท้าย