‘มารายห์ แครี’ ทำเงินก้อนโตจากเพลงคริสต์มาสก้องโลก
นับตั้งแต่ “All I Want for Christmas Is You” ของมารายห์ แครี เปิดตัวในปี 1994 เพลงนี้ได้กลายเป็นเพลงประจำเทศกาลคริสต์มาส แครีได้ชื่อว่า “ราชินีแห่งคริสต์มาส” แล้วทราบหรือไม่ว่าเธอทำเงินจากบทเพลงนี้ได้มากแค่ไหน
เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงาน บิลบอร์ด นิตยสารอุตสาหกรรมเพลงชื่อดังของสหรัฐ ประเมินรายได้จากเพลงนี้ของแครีในปี 2022 ไว้ที่ 2.7-3.3 ล้านดอลลาร์ จากการดาวน์โหลดและสตรีมมิง ยังไม่รวมรายได้อื่นๆ เช่น รายการทีวีพิเศษช่วงคริสต์มาส
แต่ตัวเลขแท้จริงยากจะรู้ได้ เพราะสัญญาระหว่างแครี ค่ายเพลง และผู้เผยแพร่ไม่เปิดเผย ซีเอ็นบีซีสอบถามไปยังคริส แชมเบอร์ส ประชาสัมพันธ์ของนักร้องดัง ไม่ได้รับคำตอบ แต่นาตาชา ชี ทนายความด้านทรัพย์สินทางปัญญาเพลงและความบันเทิงจากบริษัทกฎหมาย “โดนาฮิว ฟิตซ์เจอรัลด์” ฟันธง
“ยังไงซะ ก็เป็นเงินก้อนใหญ่”
- อาจทำรายได้ถึง 103 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่เปิดตัว
“All I Want for Christmas Is You” เป็นเพลงประจำเทศกาลคริสต์มาส สปอติฟายเพิ่งประกาศในเดือนนี้ว่า เป็นเพลงประจำเทศกาลเพลงแรกที่มียอดสตรีมทั่วโลกเกิน 2 พันล้านครั้ง และครองอันดับหนึ่งทุกปีในวันคริสต์มาสนับตั้งแต่ปี 2016 ความนิยมมีแต่จะเพิ่มขึ้น ข้อมูลจาก Luminate ซึ่งติดตามอุตสาหกรรมดนตรี ชี้ว่าปี 2023 ยอดสตรีมในสหรัฐเพิ่มขึ้นราว 19% มาเป็น 249 ล้านครั้ง จาก 167 ล้านครั้งในปี 2019
(บิลบอร์ดประเมินว่า นับถึงวันที่ 12 ธ.ค. ยอดรวมการสตรีมเพลงในปีนี้ลดลง 8% เมื่อเทียบกับปี 2023 ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเทศกาลวันหยุดสั้นลงเนื่องจากวันขอบคุณพระเจ้ามาช้า)
“เพลงนี้เป็นเครื่องจักรทำเงิน เป็นปรากฏการณ์อย่างแท้จริง” จอร์จ โฮวาร์ด อาจารย์วิทยาลัยดนตรี Berklee อดีตประธานค่ายเพลงอิสระ Rykodisc และที่ปรึกษาด้านมูลค่าลิขสิทธิ์ดนตรี ให้ความเห็น พร้อมประเมินว่าแต่ละปีบทเพลงท็อปชาร์ตเพลงนี้ทำรายได้ 2-4 ล้านดอลลาร์
เช่นเดียวกับ Manatt, Phelps & Phillips ซึ่งเชี่ยวชาญด้านกฎหมายวงการเพลง ประเมินว่า เพลงฮิตนี้ทำรายได้ปีละ 3.4 ล้านดอลลาร์ ตลอดเวลา 30 ปีทำเงินไปราว 103 ล้านดอลลาร์ โดยรวมรายได้ทั้งจากการสตรีมมิงและไม่ใช่สตรีมมิง
เฉพาะที่สปอติฟาย การสตรีม 2 พันล้านครั้งทั่วโลกทำเงิน 9.8 ล้านดอลลาร์ แต่แครีได้รับเงินเพียงสัดส่วนหนึ่งของรายได้เหล่านั้น
ที่เป็นเช่นนี้เพราะระบบค่าลิขสิทธิ์เพลงนั้นได้ชื่อว่าสับสนวุ่นวาย นักแต่งเพลง นักร้อง โปรดิวเซอร์ ซาวด์มิกเซอร์ และค่ายเพลงต่างได้เงินแตกต่างกันไปในแต่ละเพลงขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในสัญญา ซึ่งเงื่อนไขของแครีไม่เป็นที่เปิดเผย
โฮวาร์ดกล่าวว่า เธอน่าจะได้รายได้ “ก้อนโต” มากกว่าศิลปินส่วนใหญ่ เป็นเพราะว่าเธอมีบทบาทหลายอย่างในเพลงนี้ ทั้งเป็นนักร้องเดี่ยว ร่วมแต่งเพลงและเป็นโคโปรดิวเซอร์ร่วมกับวอลเตอร์ อฟานาเซฟฟ์ การทำหน้าที่หลายอย่างเช่นนี้ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ เป็นปัจจัยสำคัญทำให้แครีได้ผลตอบแทนสูง
ค่าลิขสิทธิ์เพลงแตกต่างจากงานจำพวกหนังสือหรือภาพถ่าย จอร์แดน บรอมลีย์หุ้นส่วนและผู้อำนวยการ Manatt Entertainment อธิบายว่า นั่นเป็นเพราะค่าลิขสิทธิ์แตกต่างกันในสองกลุ่ม การแต่งเพลงกลุ่มหนึ่งและการบันทึกเสียงอีกกลุ่มหนึ่ง แต่ละกลุ่มมีโครงสร้างลิขสิทธิ์ของตนเอง ค่าลิขสิทธิ์สำหรับการแต่งเพลงเป็นของผู้แต่งและผู้เผยแพร่ (มิวสิคพับลิชเชอร์) ส่วนการบันทึกเสียงจ่ายให้กับนักร้องและค่ายเพลง
“แครีมีทั้งลิขสิทธิ์เพลงและการบันทึกเสียง เธอจึงได้ทั้งสองทาง” โฮวาร์ดกล่าว
ทั้งนี้ นักแต่งเพลงและมิวสิคพับลิชเชอร์ ซึ่งไม่ใช่คนร้อง จะได้ค่าลิขสิทธิ์เมื่อเพลงถูกเผยแพร่ในที่สาธารณะ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หรือในร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า สหรัฐเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีกฎเช่นนี้
นี่หมายความว่า แครี (และอฟานาเซฟฟ์ ผู้ร่วมแต่งเพลง) ได้ค่าลิขสิทธิ์ทุกครั้งที่เพลง “All I Want for Christmas Is You” คัฟเวอร์เวอร์ชันถูกนำไปเล่นในที่สาธารณะ มีศิลปินคัฟเวอร์เพลงนี้ไปกว่า 150 ราย
แครีและอฟานาเซฟฟ์แยกเครดิตแต่งเพลงกับผู้เผยแพร่เช่น ยูนิเวอร์แซลมิวสิค, โซนีมิวสิค และโคบอลต์ซองส์มิวสิคพับลิชชิง อย่างไรก็ตาม การบันทึกเสียงโดยทั่วไปทำเงินได้มากกว่าการแต่งเพลง
“ถ้าคุณเป็นนักแต่งเพลงที่ไม่มีรายได้จากการบันทึกเสียง ย่อมยากจะเลี้ยงชีวิตแม้เพลงคุณฮิตก็ตาม” บรอมลีย์กล่าวต่อ
รายได้ส่วนนี้ที่ศิลปินจะได้แตกต่างกันไปแล้วแต่การทำสัญญากับค่ายเพลง ตั้งแต่ 20% ถึง 90%“All I Want for Christmas Is You” เผยแพร่โดยโคลัมเบียเรคคอร์ดสของโซนีมิวสิค
ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่า รายได้จากการขายแผ่นและลิขสิทธิ์แตกต่างกันไปในแต่ละปี ขณะที่รายได้จากการสตรีมมิงและการแสดงคาดการณ์ได้มากกว่า ประเมินว่าในปี 2022 รายได้และลิขสิทธิ์เผยแพร่เพลง “All I Want for Christmas Is You” ทั่วโลกอยู่ที่ 8.5 ล้านดอลลาร์ แผ่นต้นฉบับของแครีทำรายได้ 5.3 ล้านดอลลาร์ ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธิ์เผยแพร่ 3.2 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม บทเพลงนี้เป็นของขวัญที่จะให้ประโยชน์ไปอีกหลายปี ลิขสิทธิ์งานที่เผยแพร่หลังวันที่ 1 ม.ค.1978 โดยทั่วไปมีผลตลอดชีวิตผู้แต่งและหลังเสียชีวิตไปอีก 70 ปี กรณีเป็นผลงานร่วมระหว่างผู้แต่งสองคนหรือมากกว่า อย่างกรณีเพลง“All I Want for Christmas Is You” จะใช้กับผู้แต่งคนสุดท้ายที่มีชีวิตอยู่ เท่ากับว่ามรดกของแครียังได้ค่าลิขสิทธิ์ไปอีกหลายสิบปีกว่าบทเพลงจะตกเป็นสมบัติสาธารณะ เมื่อวันนั้นมาถึง เพลงนี้จะกลายเป็นเพลงคริสต์มาสคลาสสิกเช่นเดียวกับ“Jingle Bells” และ“We Wish You a Merry Christmas” ที่สามารถแบ่งปันและดัดแปลงได้อย่างเสรี