‘รัสเซีย’ อ้าง ‘เรือขนส่งระเบิด’ เพราะตกเป็นเป้าก่อการร้าย

‘รัสเซีย’ อ้าง ‘เรือขนส่งระเบิด’ เพราะตกเป็นเป้าก่อการร้าย

RIA สื่อรัฐบาลรายงานอ้างอิงเจ้าของเรือ Ursa Major ของรัสเซีย ระบุว่า เรือขนส่งของรัสเซียเกิดปัญหาใหญ่เมื่อวันจันทร์ (23 ธ.ค.) ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและจมลงหลังจากนั้น เนื่องจากเกิดเหตุระเบิดสามครั้งจากการก่อการร้าย

กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเผยเมื่อวันอังคาร (24 ธ.ค.) ว่า เรือขนส่งสินค้า Ursa Major ที่สร้างขึ้นในปี 2552 จมลงทะเลหลังเกิดเหตุระเบิดในห้องเครื่องและทำให้ลูกเรือ 2 คนจาก 16 คนต้องสูญหาย

RIA อ้างอิงข้อมูล Oboronlogistika บริษัทเจ้าของลำดังกล่าวและเป็นบริษัทที่มีส่วนร่วมเกี่ยวกับการก่อสร้างทางทหารของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ออกมาเผยเมื่อวันพุธ (25 ธ.ค.)ว่า เรือลำนี้ตกเป็นเป้าของปฏิบัติการก่อการร้าย

Oboronlogistika ชี้แจงว่า ลูกเรือ 14 คน จากทั้งหมด 16 คนรอดชีวิตจากการระเบิดด้านกราบขวาของเรือช่วงเวลา 13.50 น. ตามเวลามอสโก ในวันที่ 23 ธ.ค.

‘รัสเซีย’ อ้าง ‘เรือขนส่งระเบิด’ เพราะตกเป็นเป้าก่อการร้าย

หลังเกิดระเบิดเรือเริ่มเอียงอย่างรุนแรง และน้ำทะลักเข้าเรือปริมาณมาก แต่บริษัทเจ้าของยืนยันว่าเรือไม่ได้บรรทุกน้ำหนักเกิน

ทั้งนี้ เรือลำดังกล่าวมีเครนขนาดยักษ์สองตัว ฝาครอบช่องเรือ 2 อันสำหรับเรือตัดน้ำแข็ง ตู้คอนเทนเนอร์เปล่า 129 ตู้ และคอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต พร้อมมุงหลังคา

Oboronlogistika เผยด้วยว่า เรือขนส่งลำนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังท่าเรือวลาดิวอสต็อกทางตะวันออกไกลของรัสเซีย

Oboronlogistika และ SK-Yug บริษัทในเครือที่เป็นผู้ดำเนินงานเรือโดยตรง ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรือจม และทั้งสองบริษัท รวมถึง Ursa Major ก็ถูกสหรัฐคว่ำบาตรในปี 2565

ด้านหน่วยกู้ภัยทางทะเลสเปนรายงานว่า ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจาก Ursa Major ในวันจันทร์ ขณะที่เรืออยู่ห่างจากชายฝั่งอัลเมริอาราว 57 ไมล์ จากนั้นเรือกู้ภัยสองลำและเฮลิคอปเตอร์เข้าไปช่วยเหลือ นำลูกเรือ 14 คนส่งท่าเรือการ์ตาเฆนาอย่างปลอดภัย

ข้อมูลการติดตามเรือของ LSEG พบว่า เรือออกจากท่าเรือเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กวันที่ 11 ธ.ค. และมีสัญญาณครั้งสุดท้ายเวลา 22.04 น. ของวันจันทร์ ในจุดระหว่างแอลจีเรียกับสเปนก่อนจมลง ซึ่งตอนออกจากท่าเรือเซนปีเตอร์สเบิร์กเรือได้แจ้งจุดหมายปลายทางคือท่าเรือวลาดิวอสต็อก ไม่ใช่ท่าตาร์ตุสของซีเรียที่เคยแวะจอดมาก่อน

 

อ้างอิง: Reuters