กลุ่ม MAGA ส่อแววแตก หลังขัดแย้งประเด็นแรงงานต่างชาติ

 สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่า ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กโพสต์เมื่อวันเสาร์ (28 ธ.ค.)ว่า เขา สนับสนุน “วีซ่า H-1B” ซึ่งออกให้กับ แรงงานต่างด้าว หลายพันคนที่อพยพมายังสหรัฐ เพื่อทำงานเฉพาะทาง ทั้งนี้ในวาระแรกของเขา ทรัมป์ได้จำกัดการเข้าถึง วีซ่าสำหรับแรงงานต่างด้าว และเขาเคยวิพากษ์วิจารณ์โครงการวีซ่านี้มาก่อน แต่ในช่วงหาเสียงปี 2024 ทรัมป์กลับส่งสัญญาณเปิดกว้างในการให้สถานะทางกฎหมายแก่แรงงานต่างด้าวที่เกิดในต่างประเทศ หากพวกเขาสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐ

“ผมชอบวีซ่ามาโดยตลอด ผมสนับสนุนวีซ่ามาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เรามีวีซ่า” ทรัมป์กล่าวกับนิวยอร์กโพสต์เมื่อวันเสาร์

“ผมมีแรงงานที่ถือวีซ่า H-1B จำนวนมากในธุรกิจของผม ผมเป็นผู้ศรัทธาในวีซ่า H-1B ผมใช้มันมาหลายครั้งแล้ว มันเป็นโปรแกรมที่ยอดเยี่ยม” เขากล่าวเสริม

อย่างไรก็ตาม พนักงานจำนวนมากที่เป็นลูกจ้างบริษัทในเครือธุรกิจของทรัมป์ได้รับวีซ่าผ่านโปรแกรม H-2B ซึ่งอนุญาตให้ผู้จ้างงานนำคนงานต่างชาติมายังสหรัฐอเมริกาสำหรับงานชั่วคราวที่ไม่ใช่ภาคเกษตร เช่น งานจัดสวนและงานบริการ

กระทรวงแรงงาน เปิดเผยข้อมูลวีซ่าคนงานโดยละเอียดทางออนไลน์ย้อนหลังไปถึงปี 2008 ในช่วงเวลาดังกล่าว ธุรกิจทรัมป์ ได้ร้องขอและได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลในการจ้างคนงานต่างชาติสำหรับตำแหน่งงานมากกว่า 2,100 ตำแหน่ง ตำแหน่งงานประมาณ 70 ตำแหน่งนั้นเป็นตำแหน่งงานสำหรับคนงานที่มีทักษะสูงผ่านโปรแกรมวีซ่า H-1B คำขอคนงาน H-1B ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเมื่อกว่าทศวรรษที่แล้วโดยบริษัทต่างๆ เช่น Trump Model Management และ Trump International Hotel and Tower ในนิวยอร์ก ครั้งสุดท้ายที่บริษัท Trump ดูเหมือนจะจ้างคนงานวีซ่า H-1B คือในปี 2022 เมื่อบริษัท Trump Media & Technology Group Corp ได้รับการอนุมัติให้จ้างนักวิเคราะห์ข้อมูล

ความเห็นของทรัมป์ ต่อ New York Post เมื่อวันเสาร์ถือเป็นครั้งแรกที่เขาพูดถึงปัญหาวีซ่า H-1B นับตั้งกลุ่มสนับสนุนทรัพป์ สายเทคโนโลยี ทั้งมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก อีลอน มัสก์ และนักธุรกิจอเมริกัน วิเวก รามาสวามี ซึ่งทรัมป์เลือกให้เป็นผู้นำกระทรวงเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาลที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ ได้ออกมาปกป้องโปรแกรมวีซ่าสำหรับคนงานต่างด้าว ซึ่งจุดชนวนให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากผู้ภักดีต่อ MAGA ที่หวังจะจำกัดคนอพยพเข้าสหรัฐ

ตลอดหลายวันในสัปดาห์นี้มัสก์ได้ออกมาปกป้องวีซ่า H-1B อย่างแข็งขันโดยโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียหลายครั้ง เขาโต้แย้งถึงความสำคัญของวีซ่าในการอนุญาตให้บริษัทเทคโนโลยี รวมถึงของเขาเอง สามารถขยายธุรกิจได้ เขาโพสต์เมื่อวันศุกร์ว่าเขาจะ “ทำสงคราม” เพื่อปกป้องการเข้าถึงวีซ่า H-1B “เหตุผลที่ผมอยู่ในอเมริกาพร้อมกับผู้คนที่มีความสำคัญมากมายที่สร้าง SpaceX, Tesla และบริษัทอื่น ๆ อีกหลายร้อยแห่งที่ทำให้สหรัฐอเมริกาแข็งแกร่งก็เพราะ H1B” “ผมจะไปทำสงครามในประเด็นนี้ในแบบที่คุณไม่อาจเข้าใจได้” มัสก์ ย้ำ

ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่อง “สงคราม” ของมัสก์มุ่งเป้าไปที่ผู้สนับสนุนทรัมป์หัวรุนแรงที่ต่อต้านผู้อพยพเข้าเมือง ซึ่งพยายามผลักดันให้ยกเลิกโครงการวีซ่า H-1B ท่ามกลางการถกเถียงอย่างดุเดือดเกี่ยวกับปัญหาการย้ายถิ่นฐาน และสถานะของผู้อพยพที่มีทักษะสูง และแรงงานต่างด้าวทั่วไปที่เข้ามาทำงานในสหรัฐ

มัสก์ซึ่งเกิดในแอฟริกาใต้และได้รับสัญชาติแคนาดาผ่านทางแม่ของเขา เดินทางมาสหรัฐอเมริกาในฐานะนักเรียนต่างชาติและต่อมาทำงานด้วยวีซ่า H-1B

การปกป้องวีซ่าแรงงานต่างชาติของมัสก์และรามาสวามีได้รับการต้อบโต้อย่างหนักจากกลุ่มผู้ต่อต้านแรงงานอพยพในสหรัฐ สตีฟ แบนนอน อดีตผู้ช่วยของทรัมป์เรียกวีซ่า H-1B ว่าเป็น “การหลอกลวง” โดยเขาเห็นด้วยกับท่าทีของผู้ภักดีต่อทรัมป์อื่นๆ ซึ่งรวมถึงอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แมตต์ เกตซ์ และนักการเมืองขวาจัดอย่าง ลอร่า ลูมเมอร์

ฝ่ายขวาจัดของกลุ่ม MAGA ต้องการกันตำแหน่งงานที่ต้องใช้ทักษะสูงไว้ให้คนที่เกิดในสหรัฐ โดยเฉพาะคนอเมริกันผิวขาว

ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกเห็นพ้องกันมานานแล้วว่า แรงงานมีฝีมือที่อพยพเข้าไปทำงานในสหรัฐ ช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง และส่งผลดีต่อสหรัฐ นอกจากนั้นแรงงานต่างด้าวทั่วไปยังเข้าไปทำงานในตำแหน่งที่คนอเมริกันไม่ต้องทำ ทำให้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐโดยรวม