‘ไบเดน’ ปิดทาง ‘นิปปอนสตีล’ เข้าซื้อธุรกิจเหล็กกล้าสหรัฐ อ้างความมั่นคง

‘ไบเดน’ ปิดทาง ‘นิปปอนสตีล’ เข้าซื้อธุรกิจเหล็กกล้าสหรัฐ อ้างความมั่นคง

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ปิดทางบริษัทนิปปอนสตีลของญี่ปุ่น เข้าซื้อกิจการเหล็กกล้าสหรัฐ ตามคำมั่น ในการคงรักษาอุตสาหกรรมที่ดำเนินธุรกิจกว่าหนึ่งศตวรรษ อ้างความมั่นคงประเทศ

KEY

POINTS

Key Pionts :

  • บริษัทนิปปอนสตีล เสนอซื้อกิจการเหล็กกล้า หนึ่งในผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ด้วยเงินมูลค่า 1.49 หมื่นล้านดอลลาร์ จะทำให้กิจการตกอยู่ภายใต้การควบคุมของต่างชาติ
  • พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันต่างพยายามรักษาการคุมอำนาจในประเทศ จากอุตสาหกรรมสำคัญๆ ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงเพิ่มขึ้นทั่วโลก
  • การขัดขวางต่างชาติเข้าซื้อกิจการสหรัฐ แสดงให้เห็นว่า ญี่ปุ่นพันธมิตรที่มั่นคงของสหรัฐก็ไม่อาจรอดพ้นกระแสปกป้องประเทศตนเองที่ขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่า โตเกียวจะเป็นศูนย์กลางตรวจสอบอำนาจจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เข้าขัดขวางไม่ให้บริษัทนิปปอนสตีลของญี่ปุ่น เข้าซื้อกิจการเหล็กกล้าสหรัฐอย่างเป็นทางการ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 ธ.ค.) ตามคำมั่นที่ให้ไว้ ในการคงรักษาอุตสาหกรรมที่ดำเนินการยาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษภายใต้ประเทศต่อไป

ไบเดนกล่าวว่า การที่บริษัทนิปปอนสตีล เสนอซื้อกิจการเหล็กกล้า หนึ่งในผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ด้วยเงินมูลค่า 1.49 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้กิจการตกอยู่ภายใต้การควบคุมของต่างชาติ สร้างความเสี่ยงให้กับห่วงโซ่อุปทานของประเทศ

“การดำเนินการวันนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นของตนเองที่จะใช้อำนาจทั้งหมดในฐานะประธานาธิบดี เพื่อปกป้องความมั่นคงประเทศ รวมถึงสร้างความมั่นใจว่า บริษัทอเมริกันยังคงเป็นส่วนสำคัญของความมั่นคงประเทศ” ระบุในแถลงการณ์ของไบเดน

หุ้นสหรัฐสตีล ร่วงลงมากกว่า 6% หลังประธานาธิบดีไบเดนประกาศเรื่องดังกล่าว ซึ่งการดำเนินการของไบเดน เกิดขึ้นหลังจากคณะกรรมการการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐได้ทำการตรวจสอบข้อตกลงนี้เป็นเวลาหลายเดือน

สหรัฐสตีลและนิปปอนสตีล ประณามการตัดสินใจของไบเดนว่า "ขัดต่อกฎหมาย" ตามที่ระบุในแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันศุกร์ และชี้ว่า ทำเนียบขาวพยายามสร้างประเด็นทางการเมือง โดยทั้งสองบริษัทยืนยันจะดำเนินการปกป้องสิทธิดำเนินธุรกิจของพวกเขา

‘ไบเดน’ ปิดทาง ‘นิปปอนสตีล’ เข้าซื้อธุรกิจเหล็กกล้าสหรัฐ อ้างความมั่นคง

โดยที่สหรัฐสตีล และนิปปอนสตีล กล่าวว่า ข้อตกลงนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด ทำให้เกิดการแข่งขันทางธุรกิจ ฟื้นฟูชุมชนแหล่งผลิตเหล็กที่เป็นสนิมของสหรัฐให้กลับมาดีขึ้น และยังเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับชาติ 

ก่อนหน้านี้ เดวิด เบอล์ลิทท์ ซีอีโอสหรัฐสตีล เคยเตือนไว้ว่า บริษัทมีแนวโน้มที่โรงงานจะปิดตัวลง หากล้มข้อตกลงนี้ 

สหภาพแรงงานเหล็กกล้าของสหรัฐ เคลื่อนไหวคัดค้านนิปปอนสตีลเข้าซื้อกิจการนับตั้งแต่ได้มีคำประกาศเมื่อเดือนธันวาคม 2566 โดยไบเดนได้ส่งสัญญาณเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2567 ว่า เขาจะขัดขวางการขายกิจการดังกล่าว และให้การสนับสนุนแนวทางต่อต้านข้อตกลงดังกล่าวของสหภาพแรงงานเหล็กกล้าสหรัฐ

การตัดสินใจของไบเดนเพื่อทำลายข้อตกลงดังกล่าว เน้นย้ำอำนาจทางการเมืองที่แกว่งไปมาระหว่างสองพรรค ทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันต่างพยายามรักษาการคุมอำนาจในประเทศ จากอุตสาหกรรมสำคัญๆ ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงเพิ่มขึ้นทั่วโลก

‘ไบเดน’ ปิดทาง ‘นิปปอนสตีล’ เข้าซื้อธุรกิจเหล็กกล้าสหรัฐ อ้างความมั่นคง

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้เพิ่งได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นสมัยที่สอง ก็คัดค้านข้อตกลงนี้ด้วยเช่นกัน

การดำเนินการของไบเดนที่ขัดขวางต่างชาติเข้าซื้อกิจการสหรัฐ ก็แสดงให้เห็นว่า ญี่ปุ่นพันธมิตรที่มั่นคงของสหรัฐก็ไม่อาจรอดพ้นกระแสปกป้องประเทศตนเองที่ขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่า โตเกียวจะเป็นศูนย์กลางตรวจสอบอำนาจจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

 

 

อ้างอิง : CNBC