‘รัสเซีย’ ขู่เอาคืน! ยูเครนใช้ขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐ โจมตีภูมิภาคเบลโกรอด

รัสเซียประกาศตอบโต้ยูเครนเมื่อวันเสาร์ (4 ม.ค.) ที่ผ่านมา หลังกล่าวหาว่ายูเครนยิงขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐ โจมตีภูมิภาคชายแดนเบลโกรอดเมื่อวันศุกร์ (3 ม.ค.)

กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า “วันที่ 3 มกราคม ยูเครนพยายามยิงขีปนาวุธจากดินแดนของตน โจมตีภูมิภาคเบลโกรอดโดยใช้ขีปนาวุธปฏิบัติการยุทธวิธี ATACMS ที่ผลิตในสหรัฐ” และเสริมว่า การกระทำของรัฐบาลเคียฟที่ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรตะวันตกจะต้องถูกตอบโต้ และบอกด้วยว่าขีปนาวุธทั้งหมดถูกยิงสกัดไว้ได้

อนึ่ง ขีปนาวุธ ATACMS มีพิสัยการยิงสูงสุด 300 กิโลเมตร

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง อนุญาตให้รัฐบาลเคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีรัสเซียได้เมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่รัสเซียประณามว่าเป็นการทวีความรุนแรงสงครามที่เกิดขึ้นมานานกว่าสามปี

การใช้ระบบขีปนาวุธของเคียฟทำให้เครมลินโกรธเคืองอย่างมากโดยเครมลินขู่ว่าจะโจมตีใจกลางกรุงเคียฟด้วยขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงเพื่อตอบโต้การโจมตีดังกล่าว

บลูมเบิร์กรายงานว่า การโจมตีดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐโจมตีเป้าหมายภายในรัสเซีย โดยเมื่อเดือน ธ.ค. รัสเซียเผยว่ายูเครนโจมตีสนามบินทหารในทะเลอาซอฟด้วย ATACMS 6 ลูก

ไม่นานหลังจากที่ยูเครนยิงขีปนาวุธ ATACMS ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ขู่ว่าจะโจมตี “ศูนย์บัญชาการ” ในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ด้วย “Oreshnik” ขีปนาวุธพิสัยกลางรุ่นใหม่ของรัสเซีย และปูติน ได้ออกมากยกย่องขีปนาวุธ Oreshnik อีกครั้งในการแถลงข่าวประจำปีเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.

ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ให้สัมภาษณ์เมื่อเดือน ธ.ค. 2568 ว่า เขาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการใช้อาวุธของยูเครน ซึ่งเขากล่าวว่าอาวุธดังกล่าวทำให้ความขัดแย้ง “รุนแรงขึ้น”

อ้างอิง: AFP, Bloomberg