เฉลิมฉลอง 50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน 'การค้า-การลงทุนเอื้อกันและกัน'
พ.ศ. 2568 เป็นปีสำคัญครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประทำประเทศไทย พูดคุยกับกรุงเทพธุรกิจและสื่อในเครือเนชั่นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศในวาระสำคัญ รวมถึงเสนอมุมมองต่อปัญหาคาใจบางเรื่องที่ถูกมองข้าม
ทูตหานเริ่มต้นด้วยการชี้ให้เห็นถึงพัฒนาการของประเทศจีนจากช่วงครบรอบความสัมพันธ์ไทย-จีน 40 ปี (พ.ศ.2558) มาถึง 50 ปี ว่าระยะเวลาสิบปีนี้เป็นช่วงที่จีนเน้นจากการพัฒนาที่รวดเร็วมาเป็นการพัฒนาคุณภาพสูง ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวง เห็นได้จากประชาชนไปมาหาสู่กันมากขึ้น ในปี 2562 นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยมากกว่า 10 ล้านคน บริษัทจีนก็เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
"จากที่เคยร่วมมือกันโดยเน้นการค้ามาสู่ความร่วมมือที่เน้นการลงทุน สัมพันธ์กันในด้านซัพพลายเชน ยกระดับความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้สูงขึ้น"
ทั้งนี้ อีกหนึ่งสัญลักษณ์แห่งความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างไทยกับจีนเห็นได้จากรัฐบาลจีนให้รัฐบาลไทยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้วจากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนมาประดิษฐานในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว ณ ท้องสนามหลวง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ซึ่งเท่ากับว่าการเฉลิมฉลองวาระสำคัญนี้ได้เปิดฉากขึ้นแล้ว
ทูตหานเผยว่า ปี 2568 จะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันในหลายระดับ ในเดือน ก.พ.นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร จะเดินทางไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการ ช่วงครึ่งปีหลังไทยกับจีนจะร่วมกันจัดการประชุมกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ในประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีจีนจะมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ
นอกจากการแลกเปลี่ยนด้านการเมืองแล้ว ปีนี้จะมีตัวแทนจีนด้านวัฒนธรรมจากมณฑลต่างๆ มาเยือนไทยตลอดทั้งปี ขณะที่ชาวจีน คนไทยเชื้อสายจีน ธุรกิจจีน และนักศึกษาจีนที่อยู่ในประเทศไทยมากกว่า 40,000 คน ต่างกระตือรือร้นพร้อมร่วมเฉลิมฉลองวาระ 50 ปีความสัมพันธ์
- ภัยร้ายคอลเซ็นเตอร์
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์ที่คนไทยหลายคนเป็นห่วง ทูตหานเผยว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนตนได้พูดคุยกับผู้บริหารกระทรวงความมั่นคงสาธารณะที่เทียบได้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย ได้รับแจ้งว่า กระทรวงให้ความสำคัญกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นอันดับหนึ่ง เพราะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อประชาชนในแถบนี้ คนจีนเองก็เสียหายอย่างหนัก เรียกได้ว่า ทั้งคนหลอกและคนถูกหลอกล้วนตกเป็นเหยื่อ บางคนถูกทรมาน ปัจจุบันตำรวจจีน ไทย ลาว และเมียนมา กำลังสร้างกลไกปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ร่วมกัน
- สินค้าจีนทะลักกระทบเอสเอ็มอี?
ทูตหานกล่าวด้วยว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าจีน-ไทยใกล้ชิด แต่เมื่อไม่นานมานี้เกิดปัญหาที่สังคมสนใจ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เอสเอ็มอีไทยรู้สึกกดดันจากการแข่งขันกับสินค้าจีนจำนวนมากที่เข้ามาในประเทศไทย รวมทั้งในปี 2567 จีนส่งออกสินค้ามาไทยคิดเป็นมูลค่า 70,000 ล้านดอลลาร์ ไทยส่งสินค้าไปจีน 50,000 ล้านดอลลาร์ เท่ากับว่าจีนได้เปรียบดุลการค้าไทย 20,000 ล้านดอลลาร์
“ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นจริง ประเด็นคือเราต้องพยายามแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้” ทูตหานยอมรับและว่าจีนได้ช่วยเหลือให้เอสเอ็มอีไทยส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน โดยภาพรวมความสัมพันธ์ด้านการค้าการลงทุนสองประเทศเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน
“สื่อบางสำนักอาจให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้นจนลืมผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่า นั่นคือความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศ” กล่าวคือ แม้ไทยขาดดุลการค้าจีนราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ 80% ของสินค้าที่ไทยนำเข้าจากจีนเป็นสินค้าทุนหรือสินค้ากึ่งสำเร็จรูป นำมาผลิตสินค้าเพื่อส่งไปขายประเทศอื่นๆ ต่อไป ขณะที่สินค้านำเข้าที่ทำให้เอสเอ็มอีไทยรู้สึกถูกกดดันเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีไม่ถึง 10% ของสินค้านำเข้าจากจีน หากเกิดการปลุกระดมต่อต้านสินค้าจีนมากเข้า ทูตหานเกรงว่าจะทำให้ไทยเสียหายไปด้วย