'นิปปอน-ยูเอส สตีล' ผนึกกำลังฟ้องรัฐบาลสหรัฐขวางซื้อกิจการ

'นิปปอน-ยูเอส สตีล' ผนึกกำลังฟ้องรัฐบาลสหรัฐขวางซื้อกิจการ

ยักษ์อุตสาหกรรมเหล็ก 'ญี่ปุ่น-สหรัฐ' จับมือกันฟ้องรัฐบาลโจ ไบเดน อ้างวอชิงตันขัดขวางการควบรวมกิจการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ญี่ปุ่นลั่นไม่ยอมแพ้ จะเดินหน้าเทกโอเวอร์เหล็กสหรัฐต่อให้สำเร็จ

บริษัท "นิปปอน สตีล" และ "ยูเอส สตีล" สองบริษัทผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐ ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ม.ค. หรือเพียงหนึ่งวันหลังจากถูกขัดขวางไม่ให้นิปปอน สตีลเข้าซื้อกิจการเหล็กสหรัฐในดีลครั้งใหญ่มูลค่า 1.49 หมื่นล้านดอลลาร์  โดยอ้างเหตุผลเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ และคำมั่นที่จะรักษาอุตสาหกรรมสำคัญอายุเก่าแก่เป็นร้อยปีให้ยังคงเป็นของคนอเมริกัน 

ทั้งสองบริษัทซึ่งยื่นฟ้องกันคนละคดีต่อศาลของรัฐบาลกลางสหรัฐ ระบุในแถลงการณ์ว่า ทั้งสองบริษัทเชื่อมั่นว่าข้อตกลงดังกล่าวนี้เป็นหนทางที่ดีที่สุดในการรักษาอนาคตบริษัทเหล็กของสหรัฐ และยังคงยืนยันว่าบริษัทมีสิทธิอันชอบธรรมในการดำนินการควบรวมกิจการในครั้งนี้

แถลงการณ์อ้างว่า ประธานาธิบดีไบเดนมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของคณะกรรมาธิการด้านการลงทุนของต่างชาติในสหรัฐ (CFIUS) ซึ่งเป็นผู้ประเมินการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อดูว่ามีภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติหรือไม่ และนอกจากมีอิทธิพลต่อ CFIUS แล้ว ไบเดนยังละเมิดสิทธิ์ของบริษัทในการได้รับพิจารณาอย่างเป็นกลาง

"จากอิทธิพลที่ไม่เหมาะสมของประธานาธิบดีไบเดนในการผลักดันวาระทางการเมืองของเขา คณะกรรมาธิการด้านการลงทุนของต่างชาติในสหรัฐ (“CFIUS” หรือ “คณะกรรมาธิการ”) จึงล้มเหลวในการดำเนินการพิจารณากฎระเบียบด้านความมั่นคงของชาติโดยสุจริตใจ” บริษัททั้งสองระบุ

ทางด้านเออิจิ ฮาชิโมโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของนิปปอน สตีล แถลงต่อผู้สื่อข่าวในวันนี้ (7 ม.ค.) ว่า ไม่มีเหตุผลหรือความจำเป็นใดๆ ที่ต้องล้มเลิกการเทกโอเวอร์ยูเอส สตีล ซึ่งบริษัทไม่สามารถยอมรับได้

ฮาชิโมโตะย้ำท่าทีว่า "จะไม่ล้มเลิกแผนการขยายการดำเนินงานในสหรัฐ และไม่ได้พิจารณาทางเลือกสำรองอื่นๆ นอกจากการซื้อยูเอส สตีล"  

ซีอีโอของนิปปอน สตีลระบุด้วยว่า จะอธิบายให้ฝ่ายบริหารชุดใหม่ของสหรัฐในรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทราบว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยให้ยูเอส สตีล รวมถึงอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ แสดงความเห็นในทิศทางไม่ต่างจากไบเดน โดยเขาให้คำมั่นว่าจะขัดขวางแผนการซื้อกิจการยูเอส สตีล ในวาระที่ต่างออกไป

“ทำไมพวกเขาถึงอยากขายยูเอส สตีลในตอนนี้ ในเมื่อภาษีศุลกากรจะทำให้บริษัทมีกำไรและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาก” ทรัมป์โพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social เมื่อวันจันทร์