ปิดฉาก ‘จัสติน ทรูโด’ หนึ่งใน ‘นายกรัฐมนตรี’ ที่ครองอำนาจนานสุดในแคนาดา
ปิดฉาก "จัสติน ทรูโด" นายกรัฐมนตรีแคนาดา ประกาศลาออกตำแหน่งนายกฯในอีกสองสามเดือนข้างหน้าเมื่อวันจันทร์ (6 ม.ค.) หลังจากดำรงตำแหน่งมานาน 9 ปี ยอมจำนนต่อแรงกดดันจากสมาชิกรัฐสภาที่ต้องการให้เขาลาออกเพราะคะแนนความนิยมต่ำ และประชาชนไม่พอใจราคาสินค้าพุ่งสูง
รอยเตอร์สรายงานว่า จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา หนึ่งในผู้นำหัวก้าวหน้าที่มีความโดนเด่นที่สุดในโลก ออกมาแถลงเมื่อวันจันทร์ (6 ม.ค.) ว่า เขาจะดำรงตำแหน่งนายกฯ และผู้นำพรรคเสรีนิยม ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล จนกว่าพรรคจะเลือกผู้นำคนใหม่ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า
“ประเทศนี้ควรมีตัวเลือกที่เหมาะสมในการเลือกตั้งครั้งหน้า และสำหรับผมชัดเจนแล้วว่า ถ้าผมต้องต่อสู้กับปัญหาภายใน ผมคงไม่สามารถเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการเลือกตั้งได้” ทรูโดกล่าว
นายกฯแคนาดา ยังได้ประกาศด้วยว่า จะยุบสภา/ระงับการประชุมจนถึงวันที่ 24 มี.ค. นั่นหมายความว่า การเลือกตั้งอาจไม่มีขึ้นได้เร็วสุดก่อนเดือนพ.ค. ดังนั้น ทรูโดจะยังคงต้องรับมือกับภัยคุกคามจากนโยบายภาษีของว่าที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะขึ้นรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันที่ 20 ม.ค. นี้
เดิมทีรัฐสภาจะเปิดการประชุมอีกครั้งในวันที่ 27 ม.ค. และพรรคฝ่ายค้านได้ให้คำมั่นว่าจะล้มรัฐบาลเสียงข้างน้อยของทรูโดให้เร็วที่สุด แต่รัฐสภาจะกลับมาประชุมในวันที่ 24 มี.ค. เพียงวันเดียวเท่านั้น ดังนั้นการเสนอญัตติไม่ไม่วางใจจะทำได้เร็วสุดคือเดือน พ.ค.
ทรูโดบอกว่า ตนได้ขอพรรคเสรีนิยมประกาศแข่งขันเลือกผู้นำพรรคแล้ว แต่ไม่ได้ระบุว่าต้องใช้เวลานานเท่าไร
ทั้งนี้ หากได้ผู้นำพรรคนใหม่ คนนั้นจะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีทันที และนำพรรคเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไป
ทั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมีขึ้นวันที่ 20 ต.ค. ขณะที่โพลชี้ว่า ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงที่ไม่พอใจเรื่องราคาสินค้าพุ่งสูง และความขาดแคลนที่อยู่อาศัยราคาถูก จะเลือกพรรคอนุรักษนิยมซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน และพรรคเสรีนิยมจะพ่ายแพ้ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคก็ตาม
โชคไม่เข้าข้างนายกฯแคนาดา
ทรูโดวัย 53 ปี ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกฯแคนาดาเมื่อปี 2558 ด้วยคำมั่นสัญญา “อนาคตอันสดใส” และชนะการเลือกตั้ง 2 ครั้ง ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในแคนาดา และได้รับการชื่นชมจากกลุ่มหัวก้าวหน้าเนื่องจากเขาให้ความสำคัญนโยบายความเท่าเทียมทางเพศ
อย่างไรก็ตามความนิยมของเขาเริ่มลดลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาสินค้าและราคาบ้านพุ่งสูงในช่วงหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 และโชคก็ไม่เข้าข้างเขาอีกเลย
โพลของอิปซอสแคนาดาที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2567 บ่งชี้ว่าพรรคอนุรักษนิยม ซึ่งเป็นพรรคมีคะแนนนิยม 45% จากกลุ่มโหวตเตอร์ที่ตัดสินใจไปเลือกตั้ง ขณะที่พรรคเสรีนิยม ที่เป็นพรรครัฐบาล และพรรคประชาธิปไตยใหม่ที่เป็นฝ่ายซ้าย ได้รับความนิยม 20% นั่นหมายความว่า พรรคอนุรักษนิยมอาจคว้าชัยในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า
รัฐบาลหมดอายุ
"ชาชี เคิร์ล" ประธานโพลสำรวจ Angus Reid บอกว่า ขณะที่ผู้นำพรรครัฐบาลคนใหม่อาจพ่ายแพ้เลือกตั้ง พรรคเสรีนิยมเองก็ตกที่นั่งลำบาก
“มันมีปัจจัยที่น่าเหลื่อยล้าอยู่ รัฐบาลเข้าสู่ปีที่ 10 แล้ว ถึงจุดที่นมจะหมดอายุ ผมคิดว่านมเริ่มเปรี้ยวแล้วล่ะ”
แม้การยุบสภาจะทำให้พรรคเสรีนิยมสามารถเลือกผู้นำคนใหม่ได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จะทำกระบวนการล่าช้า แต่ "ฟิลิปเป ลากาสเซ" รองศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐธรรมนูญแห่งมหาวิทยาลัย Carleton ในกรุงออตตาวา บอกว่า ความเคลื่อนไหวนี้อาจทำร้ายพรรครัฐบาล
“ผมคิดว่าผู้คนพร้อมที่จะเลือกตั้ง พวกเขาต้องการก้าวไปข้างหน้า แต่นี่ทำให้เกิดความล่าช้า”
ด้าน "ดั๊ก ฟอร์ด" นายกเทศมนตรีออนแทรีโอ ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดบอกว่า
“แคนาดาต้องแสดงให้เห็นถึงความมีเสถียรภาพและความแข็งแกร่งในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ และรัฐบาลกลางต้องอธิบายอย่างเร่งด่วนต่อชาวแคนาดา ถึงวิธีการหลีกเลี่ยงภาษี (ของทรัมป์) ที่อาจส่งผลกระทบร้ายแรงได้”
ไร้ความเชื่อมั่นในพรรค
ที่ผ่านมาทรูโด นายกฯ แคนาดาวัย 53 ปี สามารถลดความกังวลให้กับสมาชิกสภาพรรคเสรีนิยมเกี่ยวกับผลโพล และการสูญเสียที่นั่งมาแล้วในการเลือกตั้งพิเศษ 2 ครั้ง แต่ก็เกิดการเรียกร้องให้เขาลาออกตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา เมื่อทรูโดพยายามปลด “คริสเทีย ฟรีแลนด์” รัฐมนตรีกระทรวงการคลังออกจากตำแหน่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรในคณะรัฐมนตรีที่ใกล้ชิดที่สุดของเขา หลังจากเธอโต้แย้งข้อเสนอของทรูโดที่ต้องการใช้จ่ายงบประมาณเพิ่ม
ในที่สุดฟรีแลนด์ก็ลาออกจากตำแหน่ง และเขียนจดหมายกล่าวหาทรูโดเรื่อง “การใช้กลอุบายทางการเมือง” มากกว่าให้ความสำคัญกับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ
ทั้งนี้ ฟรีแลนด์ และมาร์ก คาร์นีย์ อดีตผู้ว่าธนาคารกลางแคนาดา เป็นสองแคนดิเดตตัวเต็งในการแข่งขันแทนที่นายกฯ ทรูโด และทั้งสองคนได้แถลงการสั้นๆ ขอบคุณการทำหน้าที่ของนายกฯ
ส่วนพรรคอนุรักษนิยมนำโดย "ปิแอร์ ปัวลิฟร์" นักการเมืองอาชีพที่โด่งดังในช่วงต้นปี 2565 จากการสนับสนุนคนขับรถบรรทุกที่ยึดพื้นที่ใจกลางกรุงออตตาวาเพื่อประท้วงคำสั่งให้ฉีดวัคซีนโควิด-19
“ขณะที่พรรคเสรีนิยมที่ไร้ผู้นำให้ความสำคัญในการรักษาหน้าที่และต่อสู้เพื่ออำนาจ ประเทศก็ได้หลุดพ้นจากการควบคุม”
ด้านว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตอบสนองต่อการประกาศลาออกของทรูโด โดยย้ำถึงความเห็นก่อนหน้านี้ว่า แคนาดาจะได้ผลประโยชน์จากการเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐ และวิจารณ์เรื่องดุลการค้าของแคนาดาและสหรัฐ