เปิดบทวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ 2568 ราคาจ่อร่วงหมดยกเว้น 'ทองคำ-ก๊าซ'

เปิดบทวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ 2568 ราคาจ่อร่วงหมดยกเว้น 'ทองคำ-ก๊าซ'

สำนักวิเคราะห์ต่างประเทศชี้ ปี 2568 ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกจ่อร่วงหมดยกกลุ่ม ยกเว้นแค่โลหะมีค่าอย่าง "เงิน" และ "ทองคำ" ขณะที่ "ก๊าซธรรมชาติ" จ่อปรับราคาขึ้นสวนทางน้ำมันขาลง

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีประมวลทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกในปี 2568 จากบทวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญหลายรายในอุตสาหกรรมว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในปีนี้จะอยู่ในทิศทาง "ขาลง" เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่จะชะลอตัว สวนทางกับค่าเงินดอลลาร์ที่จะแข็งค่าขึ้น แต่คาดว่า "ทองคำ" และ "ก๊าซธรรมชาติ" จะเป็นหนึ่งในกลุ่มสินค้าที่ยังพุ่งขึ้นได้ต่อในปีนี้ 

หากย้อนดูภาพรวมปีที่แล้ว 2567 จะพบว่าสินค้าโภคภัณฑ์มีความผันผวน โดยนักลงทุนแห่ซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ แต่สินค้าโภคภัณฑ์ในกลุ่มแร่เหล็กกลับร่วงลง เนื่องจากจีนซึ่งเป็นผู้บริโภคโลหะรายใหญ่ที่สุดในโลกเผชิญภาวะยากลำบากทางเศรษฐกิจ และสถานการณ์ในปีนี้ก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นแบบเดียวกัน

ซาบริน โชว์เดอรี หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของบริษัทวิจัยบีไเอ็มไอ กล่าวว่าในปี 2568 นี้ สินค้าโภคภัณฑ์โดยทั่วไปจะอยู่ภายใต้แรงกดดันในทุกๆ ด้าน และการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐจะจำกัดความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายด้วยดอลลาร์เป็นหลัก 

ขณะที่ตลาดจะจับตาดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของ "จีน" โดยหวังว่ามาตรการดังกล่าวอาจช่วยกระตุ้นให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ในเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกฟื้นตัวขึ้นได้

'น้ำมัน' จ่อร่วงต่ออีกปี 

ในปีที่แล้วราคาน้ำมันดิบถูกฉุดลงเนื่องจากอุปสงค์ของจีนที่อ่อนแอและภาวะอุปทานล้นตลาด ขณะที่ตลาดคาดว่าราคาจะยังคงถูกกดดันต่อในปีนี้

ในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) ได้คาดการณ์ว่าตลาดน้ำมันในปี 2568 จะมีแนวโน้มขาลง โดยอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเติบโตต่ำกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือลดลงจากในปีที่แล้วที่เพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ธนาคารคอมมอนเวลธ์ แบงก์ ออฟ ออสเตรเลีย คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะลดลงเหลือ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีนี้ เนื่องจากคาดว่าอุปทานน้ำมันจากประเทศนอกกลุ่มโอเปกพลัสจะเพิ่มขึ้นมากกว่าความต้องการบริโภคน้ำมันทั่วโลก

บีเอ็มไอระบุในรายงานเดือนธ.ค.ว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มีแนวโน้มว่า "อุปทานน้ำมันจะล้นตลาด" เนื่องจากมีการผลิตใหม่จำนวนมากจากสหรัฐ แคนาดา กายอานา และบราซิล นอกจากนี้หากกลุ่มโอเปกพลัสมีแผนที่จะยกเลิกการลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจ อุปทานส่วนเกินจะยิ่งกดดันราคาให้ลดลงอีก

เปิดบทวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ 2568 ราคาจ่อร่วงหมดยกเว้น \'ทองคำ-ก๊าซ\'

ส่วน "ภาพรวมอุปสงค์น้ำมันและก๊าซในปีนี้ยังไม่ค่อยชัดเจน" เพราะการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีและความต้องการใช้พลังงานนั้น อาจถูกบั่นทอนด้วยผลกระทบจากสงครามการค้า อัตราเงินเฟ้อ และอุปสงค์ที่หดตัวในตลาดประเทศพัฒนาแล้ว

ราคาน้ำมันเบรนท์ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานน้ำมันดิบโลกล่าสุดซื้อขายที่ 76.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งใกล้เคียงกับระดับเดียวกับช่วงต้นเดือนมกราคมเมื่อปีที่แล้ว

'ก๊าซธรรมชาติ' จะแพงขึ้น 

นักวิเคราะห์ของ Citi ระบุว่าราคาก๊าซธรรมชาติ (LNG) ทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นตั้งแต่กลางเดือนธ.ค. 2567 จากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และสภาพอากาศหนาวเย็น การที่ยูเครนหยุดการส่งก๊าซของรัสเซียไปยังหลายประเทศในยุโรปในช่วงวันปีใหม่ทำให้ตลาดก๊าซทั่วโลกมีความไม่แน่นอนมากขึ้น และตราบใดที่ปัญหานี้ยังไม่ถูกแก้ ราคาก๊าซก็มีแนวโน้มที่จะยังคงปรับตัวสูงขึ้น และสภาพอากาศที่หนาวเย็นตลอดช่วงที่เหลือของฤดูหนาวในสหรัฐและเอเชียอาจทำให้ราคายังคงสูงขึ้น

บีเอ็มไอคาดการณ์ว่าราคาก๊าซจะเพิ่มขึ้นประมาณ 40% ในปีนี้ เป็น 3.4 ดอลลาร์ต่อ 1 ล้านบีทียู เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยปีที่แล้วที่ 2.4 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นจากภาคส่วน LNG และปริมาณการขนส่งสุทธิทางท่อที่เพิ่มขึ้น ขณะที่สัญญาก๊าซธรรมชาติเฮนรีฮับในสหรัฐ ซึ่งเป็นมาตรวัดที่บีเอ็มไออ้างถึงนั้น ปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ 2.95 ดอลลาร์ต่อ 1 ล้านบีทียู

“LNG จะยังคงผลักดันการบริโภคใหม่ต่อไป โดยได้รับแรงหนุนจากกำลังการส่งออกที่เพิ่มขึ้นและความต้องการที่แข็งแกร่งในยุโรปและเอเชีย” นักวิเคราะห์ของบีเอ็มไอระบุ

'ทองคำ' ยังไปได้ต่อ

ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว และอาจพุ่งทำสถิติใหม่อีกครั้งในปีนี้ เอเดรียน แอช ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของบริษัทผู้ให้บริการการลงทุนทองคำบุลเลียนวอลท์ระบุว่า นักลงทุนยังมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำและแร่เงินในปีนี้ เพราะพวกเขามองลบต่อปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และภาวะหนี้ของรัฐบาล ทำให้ทองคำและโลหะมีค่าจะมีบทบาทในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง 

เปิดบทวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ 2568 ราคาจ่อร่วงหมดยกเว้น \'ทองคำ-ก๊าซ\'

ด้านทีมนักนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน คาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะสูงขึ้นโดยเฉพาะหากนโยบายต่างๆ ของสหรัฐยิ่งส่งผลกระทบมากขึ้น ทั้งจากการขึ้นภาษีศุลกากร ความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น และความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น

เมื่อปีที่แล้ว ทองคำทำผลงานประจำปีได้ดีที่สุดในรอบกว่าสิบปี โดยข้อมูลจาก FactSet แสดงให้เห็นว่าราคาทองคำเพิ่มขึ้นประมาณ 26% ในปี 2567 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการซื้อของธนาคารกลางและนักลงทุนรายย่อย ส่วนในปีนี้ บุลเลียนวอลท์และเจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะขึ้นไปถึง 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แร่เงินและแพลตตินัมยังไปได้ดี

กลุ่มโลหะมีค่าอย่าง "แร่เงิน" ที่มองกันว่าเป็นน้องของทำคำ ก็อาจทำราคาปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อความต้องการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (แร่เงินถูกใช้ในการสร้างแผงโซลาร์เซลล์) ยังคงแข็งแกร่งและอุปทานของโลหะชนิดนี้ยังคงจำกัด ทำให้ทั้งเงินและแพลตตินัมต่างก็มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง

แร่เงินโดยส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ในงานอุตสาหกรรมโดยเฉพาะการผลิต ยานยนต์ แผงโซลาร์เซลล์ เครื่องประดับ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ยังจำเป็นสำหรับการสร้างผลิตภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์และยังมีการใช้งานทางทหาร

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มขาขึ้นของเงินจะขึ้นอยู่กับความต้องการของอุตสาหกรรมทั่วโลก ซึ่งอาจต้องรอดูผลกระทบจากนโยบายการขึ้นภาษีของทรัมป์อีกที 

'ทองแดง' และ 'แร่เหล็ก' จ่อซึมลง

"ทองแดง" เป็นเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและโครงข่ายไฟฟ้า แต่ปีนี้ราคาอาจปรับตัวลดลงหลังจากที่เพิ่งทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไป โดยจะเป็นผลจากการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานทั่วโลก

บีเอ็มไอระบุว่า การเปลี่ยนนโยบายในยุคทรัมป์อาจทำให้การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานชะลอตัวลง และอาจส่งผลให้เซ็นติเมนท์สีเขียวที่หนุนที่หนุนราคาในปี 2567 ลดลงในระดับหนึ่ง

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดโลหะกล่าวว่า การผสมผสานระหว่างเงินเฟ้อที่สูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยในระดับสูง และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะส่งผลกระทบต่อตลาดโลหะทุกชนิด 
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าราคา "แร่เหล็ก" จะปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน จากผลพวงของอุปทานส่วนเกินที่เกี่ยวเนื่องกับภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายของจีน โดยโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่าราคาจะลดลงเหลือ 95 ดอลลาร์ต่อตันในปี 2568

เปิดบทวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ 2568 ราคาจ่อร่วงหมดยกเว้น \'ทองคำ-ก๊าซ\'

'โกโก้' และ 'กาแฟ' จะชะลอความร้อนแรง

โกโก้และกาแฟเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทำผลงานโดดเด่นมากในปีที่แล้วกับราคาที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยและอุปทานตึงตัวในภูมิภาคการผลิตหลัก แต่ความต้องการอาจลดลงในปี 2568 นี้

“เนื่องจากสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ซื้อขายกันในระดับที่สูงกว่าต้นทุนการผลิตมาก เราคาดว่าการผลิตจะขยายตัวขึ้น แต่ความต้องการจะลดลงในปีนี้” นักวิจัยของธนาคารราโบแบงก์กล่าว