สื่อญี่ปุ่นเปิดบทสัมภาษณ์ซีอีโอ ‘มิตซูบิชิ’ ชี้ตลาดรถไทยเสี่ยงดิ่งกว่า 20%

สื่อญี่ปุ่นเปิดบทสัมภาษณ์ซีอีโอ ‘มิตซูบิชิ’ ชี้ตลาดรถไทยเสี่ยงดิ่งกว่า 20%

ซีอีโอ ‘มิตซูบิชิ’ มองตลาดรถยนต์ไทยซบเซาหนัก คาดยอดขายดิ่งลงกว่า 20% ชี้โรงงานค่ายรถจีนในไทยใช้ชิ้นส่วนจากจีนเกือบทั้งหมด ด้านมิตซูบิชิยืนยันจะไม่เข้าร่วมสงครามราคา แต่จะเน้นคุณภาพและบริการแทน เพื่อรักษาฐานลูกค้า

ในบทสัมภาษณ์กับสำนักข่าวนิกเกอิ เอเชีย “ทาคาโอะ คาโตะ” ประธานและซีอีโอของบริษัทรถ “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส” (Mitsubishi Motors) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดรถยนต์ของภูมิภาคอาเซียน

โดยระบุว่า ผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างหนักจากการแข่งขันกับรถอีวีราคาประหยัดจากจีน ซึ่งส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทญี่ปุ่นถดถอยลงเรื่อย ๆ

อย่างไรก็ตาม คาโตะ เน้นย้ำว่า มิตซูบิชิจะยังคงแข่งขันในภูมิภาคนี้ต่อไป ซึ่งคิดเป็น 30% ของยอดขายทั้งหมด

สื่อญี่ปุ่นเปิดบทสัมภาษณ์ซีอีโอ ‘มิตซูบิชิ’ ชี้ตลาดรถไทยเสี่ยงดิ่งกว่า 20% - ทาคาโอะ คาโตะ (เครดิต: Reuters) -

นี่คือ “6 คำถาม” ที่นิกเกอิ เอเชียสัมภาษณ์ “ทาคาโอะ คาโตะ” ซีอีโอค่ายรถมิตซูบิชิ

คำถามที่ 1: คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับตลาดรถยนต์ใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตอบ: ผมคาดว่ายอดขายรถใน 5 ประเทศหลักจะ “ลดลง” จาก 3.21 ล้านคันในปีงบประมาณ 2566 เป็นน้อยกว่า 3 ล้านคันในปีงบประมาณ 2567 ฟิลิปปินส์และเวียดนามมีผลการดำเนินงานที่ดี แต่เราคาดว่ายอดขายในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด จะลดลงประมาณ 10% และใน “ไทย” จะลดลง 20% หรือมากกว่านั้น

ผมคิดว่า ยอดขายจะคงที่ในปีงบประมาณ 2568 อินโดนีเซียกำลังปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยและภาษีจดทะเบียนรถยนต์ตั้งแต่ต้นปี ดังนั้นราคาขายปลีกจึงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น 5% ถึง 6% ขึ้นอยู่กับรุ่น ในเวียดนาม เรากังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการสิ้นสุดของการยกเว้นภาษีจดทะเบียนรถยนต์ ผมต้องบอกว่า ภาพรวมตลาดรถค่อนข้างเป็นลบ

คำถามที่ 2: คิดเห็นอย่างไรกับ “ตลาดรถยนต์ไทย” ซึ่งเคยเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคกำลังอยู่ในภาวะซบเซาอย่างรุนแรง โดยมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 600,000 คันต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2552 หลังจากวิกฤติการเงินโลก

ตอบ: ผมมองว่าหนี้ครัวเรือนกำลังกดดันการใช้จ่ายของผู้บริโภค มาตรการบรรเทาผลกระทบของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร มีขอบเขตจำกัดและไม่น่าจะกระตุ้นความต้องการได้ อีกทั้งยอดขายรถกระบะหนึ่งตัน ซึ่งมีความต้องการสูงในชนบท ลดลงเหลือต่ำกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับสองปีก่อน

คำถามที่ 3: การผ่อนคลายทางการเงินทั่วโลกจะเป็นปัจจัยหนุนหรือไม่

ตอบ: สหรัฐเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว แต่เป็นไปอย่างช้ากว่าที่คาดไว้ ส่วนไทย “ระมัดระวัง” ในการลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเกรงว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ อาจเป็นเพราะความทรงจำที่ฝังใจจากวิกฤติการเงินต้มยำกุ้งปี 2540 ผมคิดว่าอัตราการลดดอกเบี้ยในแถบอาเซียนก็จะชะลอตัวลงเช่นกัน

คำถามที่ 4: ผู้ผลิตรถอีวีจีนกำลังรุกคืบและแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น

ตอบ: พวกเขาผลิตมากเกินไป รถอีวีที่ล้นความต้องการจากจีนกำลังหลั่งไหลเข้าสู่ไทยและถูกขายในราคาส่วนลดอย่างมาก จนลูกค้าเก่าซึ่งเคยซื้อไปแล้วเกิดความไม่พอใจ พวกเขากำลังสร้างโรงงานประกอบในประเทศเพื่อให้มีคุณสมบัติเหมาะสม ในการได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย แต่ส่วนประกอบส่วนใหญ่ถูกนำเข้าจากจีน รัฐบาลกำลังตระหนักว่า ประโยชน์ต่อประเทศมีน้อย เราจำเป็นต้องดูว่าการพัฒนาในไทยจะส่งผลกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้านอย่างไร

การเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าจะยังคงดำเนินต่อไปในระดับหนึ่ง แต่ผมคิดเสมอว่าจะต้องมีช่วงที่ยอดขายคงที่ และเวลานั้นก็มาถึงแล้ว ส่วนแบ่งของรถยนต์ไฟฟ้าจีนในตลาดไทยเคยสูงเกิน 17% ในบางเดือน แต่หลังจากนั้นก็ลดลงเหลือหลักหน่วยและยังไม่ฟื้นตัวมากนัก

รัฐบาลกำลังดำเนินการเพื่อสนับสนุนการขายยานยนต์ไฮบริดด้วย และผมมั่นใจว่า เราสามารถแข่งขันได้ในระดับหนึ่ง ไทยเป็นพื้นที่ทดสอบที่ดี เราจะไม่เข้าร่วมสงครามราคา แต่จะแข่งขันด้วยภาพลักษณ์ของแบรนด์ โดยใช้ประโยชน์ไม่เพียงจากคุณภาพของรถยนต์เราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการขายและบริการหลังการขายของเราด้วย

คำถามที่ 5: คุณมองว่าตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งใดมีความน่าสนใจ

ตอบ: ในขณะที่เรามุ่งเน้นไปที่ฟิลิปปินส์และเวียดนาม ซึ่งกำลังมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เรายังคงรักษาการดำเนินงานอย่างสมดุลในไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งเรามีโรงงานขนาดใหญ่ ตอนนี้เศรษฐกิจโลกมีความผันผวน และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์กำลังเพิ่มขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิ่งสำคัญคือ การสร้างพอร์ตโฟลิโอที่ดี ไม่ใช่แค่เน้นไปที่ประเทศเดียว

คำถามที่ 6: บริษัทจะตัดสินใจว่า เข้าร่วมการเจรจาควบรวมกิจการกับฮอนด้า มอเตอร์และนิสสัน มอเตอร์ภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้หรือไม่

ตอบ: เจตนารมณ์ในการร่วมมือกับทั้งสองบริษัทยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ธุรกิจในอาเซียนและรถกระบะหนึ่งตันของเราเป็นจุดแข็งที่โดดเด่น เราจะพิจารณาถึงกรอบเวลาและรูปแบบความร่วมมืออย่างรอบด้าน รวมถึงพิจารณาว่า โครงสร้างแบบใดจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด

อ้างอิง: nikkei