TikTok จ่อปิดฉากในสหรัฐ 19 มี.ค.นี้ ลุ้น ‘ทรัมป์’ ต่ออายุให้อีก 90 วัน

รอยเตอร์รายงานอ้างแหล่งข่าวเปิดเผยว่า Tiktok แอปโซเชียลมีเดียสัญชาติจีนวางแผนที่จะปิดการดำเนินงานในสหรัฐอซึ่งมีผู้ใช้งาน 170 ล้านคนในวันอาทิตย์ที่ 19 ม.ค.68 ซึ่งเป็นวันที่ศาลกำหนดให้มีการบังคับใช้คำสั่งห้ามโดยไม่มีการผ่อนปรนแม้แต่วินาทีสุดท้าย 

หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า ก่อนหน้านี้ว่าที่ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งหนึ่งวันหลังจากที่ Tiktok ต้องปิดทำการแอพได้ 1 วันนั้น  กำลังพิจารณาออกคำสั่งเพื่อระงับการแบนหรือปิดใข้งานแอพเป็นระยะเวลา 60 ถึง 90 วัน ทั้งนี้หนังสือพิมพ์ไม่ได้ระบุว่าทรัมป์จะสามารถดำเนินการดังกล่าวได้ตามกฎหมายอย่างไร

ตามกฎหมายที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา หากบริษัท ByteDance ซึ่งเป็นเจ้าของ TikTok ไม่สามารถขายแพลตฟอร์มนี้ได้ตามกำหนด จะมีการสั่งห้ามดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน TikTok ใหม่ผ่าน App Store ของ Apple หรือ Google Play Store ทันที ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้งาน iPhone หรือสมาร์ทโฟนระบบ Android จะไม่สามารถดาวน์โหลด TikTok มาใช้งานได้อีกต่อไป

แอพ Tiktok ทั่วโลกอาจใช้งานไม่ได้

ผู้ใช้งาน TikTok ที่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันไปแล้วก่อนหน้านี้ จะยังคงสามารถใช้งาน TikTok ได้ตามปกติในระยะเวลาหนึ่ง อย่างน้อยจนกว่าบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การอัปเดตแอป หรือการแก้ไขปัญหา จะถูกระงับไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้ ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมดของตนเอง เพื่อเก็บเป็นบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล

อย่างไรก็ดี การปิดตัวของ TikTok ในสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ในหลายประเทศทั่วโลก เนื่องจากบริษัทระบุในเอกสารที่ยื่นต่อศาลเมื่อเดือนที่แล้วว่า มีผู้ให้บริการหลายร้อยรายในสหรัฐที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของแพลตฟอร์ม TikTok ทั่วโลก และการปิดตัวดังกล่าวจะทำให้บริการเหล่านี้หยุดลงทันทีตั้งแต่วันอาทิตย์

TikTok ได้ยื่นคำร้องต่อศาล โดยอ้างว่า หากถูกสั่งห้ามดำเนินการในสหรัฐอเมริกา จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วโลกหลายสิบล้านคน เนื่องจากระบบโครงสร้างพื้นฐานของแอปพลิเคชันนั้นเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด ทำให้ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกไม่สามารถแยกข้อมูลของผู้ใช้ในแต่ละประเทศออกมาได้อย่างสมบูรณ์ TikTok อธิบายต่อศาลว่า ระบบของแอปพลิเคชันนั้นมีความซับซ้อนสูง และข้อมูลของผู้ใช้แต่ละคนกระจายอยู่ตามเซิร์ฟเวอร์ต่างๆ ทั่วโลก การแยกข้อมูลของผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาออกจากระบบโดยไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ในประเทศอื่นๆ นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และอาจนำไปสู่การสูญหายของข้อมูลผู้ใช้ได้

อ้างอิง Reuters