2024 นักท่องเที่ยวเยือน ‘ญี่ปุ่น‘ 37 ล้านคน สูงสุดเป็นประวัติการณ์

2024 นักท่องเที่ยวเยือน ‘ญี่ปุ่น‘  37 ล้านคน สูงสุดเป็นประวัติการณ์

นักท่องเที่ยวต่างชาติเยือน ‘ญี่ปุ่น‘ ปี 2567 ทั้งหมด 37 ล้านคน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้น 47% รับอานิสงส์ค่าเงิน ’เยน‘ อ่อนค่า

สำนักข่าวนิกเกอิรายงานอ้างถึงข้อมูลจากองค์การการท่องเที่ยวแห่งชาติญี่ปุ่น (JNTO) เผยว่าประเทศญี่ปุ่นต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 36.87 ล้านคนในปี 2567 เพิ่มขึ้น 47.1% จากปีก่อนหน้า พร้อมกับยอดเที่ยวบินที่ฟื้นตัวเนื่องมาจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง 

นักท่องเที่ยวจากจีนเพิ่มขึ้น 187.9% ไต้หวันเพิ่มขึ้น 43.8% และเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 26.7%

JTA รายงานว่านักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายรวม 8.14 ล้านล้านเยนในปี 2567 เพิ่มขึ้น 53.4% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าเช่นกัน โดยค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจ่ายไปกับที่พัก การช้อปปิ้ง อาหารและเครื่องดื่ม

นักท่องเที่ยวชาวจีนใช้จ่ายมากสุด คิดเป็น 21.3% มีมูลค่าประมาณ 1.73 ล้านล้านเยน รองลงมาคือชาวไต้หวันที่ 13.4% คิดเป็นมูลค่า 1.1 ล้านล้านเยน

นาโอยะ ฮาราอิกาวะ กรรมาธิการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น กล่าวในการแถลงข่าวว่าเป้าหมายสูงสุดคือการมีนักท่องเที่ยว 60 ล้านคนและมีมูลค่าการใช้จ่ายรวม 15 ล้านล้านเยนในปี 2573 ถือเป็นเป้าหมายที่ใหญ่มาก แต่เมื่อยอดการใช้จ่ายในปีนี้ที่อยู่ที่ 8 ล้านล้านเยนทำให้มองว่าเติบโตขึ้นมาก

บริษัทตัวแทนท่องเที่ยว JTB คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 40.2 ล้านคนในปีนี้ เพิ่มขึ้น 8.9% จากปีก่อน ตามการคาดการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี เนื่องจากญี่ปุ่นจะมีงานโอซาก้าเอ็กซ์โปที่จะเริ่มขึ้นในเดือนเมษายนของปี 68

จีน เป็นประเทศที่มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวญี่ปุ่นมากที่สุดถึง 18.9% และตัวเลขก็กำลังฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้ประกาศเมื่อเดือนธันวาคมว่าจะออกวีซ่าท่องเที่ยวแบบเข้าออกได้หลายครั้งเป็นเวลา 10 ปีให้กับคนรวยของจีนมาตรการดังกล่าวประกาศใช้ไม่นานหลังจากที่จีนกลับมาออกวีซ่าระยะสั้นให้กับพลเมืองญี่ปุ่นอีกครั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 

ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงทำให้ชาวญี่ปุ่นไม่เดินทางไปต่างประเทศ แต่คาดว่าตัวเลขจะฟื้นตัวขึ้นเมื่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเริ่มสงบลง

สำนักงานการท่องเที่ยวคาดการณ์ว่าชาวญี่ปุ่นจะเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้นในปีนี้ โดยคาดว่าจะมีจำนวน 14.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.5% จากปีก่อน โดยคาดว่าการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ใกล้กว่า เช่น เอเชียตะวันออก และที่ไกลกว่า เช่น ยุโรปและโอเชียเนีย จะเพิ่มมากขึ้น