‘ทรัมป์’ สั่งยุติเป้าขายรถ EV จำนวน 50% ล้มแผนลดมลพิษ ‘ไบเดน’

ทรัมป์สั่งยุติบังคับเกี่ยวกับ ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ เลิกกำหนดเป้าขายรถ 50% ชี้จำกัดสิทธิผู้บริโภค สั่งทบทวนมาตรการอุดหนุน ล้มแผนลดมลพิษยานยนต์ ’ไบเดน’
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ออกคำสั่งให้รัฐบาล "ยกเลิกข้อบังคับเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า" ปี 2564 ที่ลงนามโดยโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดี ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้รถยนต์ใหม่จำนวน 50% จากทั้งหมดที่จำหน่ายในปี 2573 นั้นต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นความพยายามที่จะล้มเลิกกฎระเบียบที่ควบคุมมลพิษจากรถยนต์และมาตรฐานการประหยัดเชื้อเพลิง โดยเขาอ้างว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการจำกัดทางเลือกของผู้บริโภคอย่างไม่เป็นธรรม
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมีแผนที่จะสั่งการให้หน่วยงานต่าง ๆ ทำการทบทวนใหม่เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ที่กำหนดมาตรฐานการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งกฎเกณฑ์ดังกล่าวกำหนดให้ผู้ผลิตรถยนต์จะต้องจำหน่ายรถ EV จำนวน 30-56% ภายในปี 2575
คำสั่งฝ่ายบริหารด้านพลังงานฉบับนี้ ยังได้เรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลพิจารณายกเลิกเงินอุดหนุน 7,500 ดอลลาร์ที่ไม่เป็นธรรมและการบิดเบือนตลาดต่างๆ ที่รัฐบาลกำหนดขึ้นโดยขาดการไตร่ตรอง ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้กับรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าเทคโนโลยีประเภทอื่น และเป็นการบังคับให้ประชาชนต้องซื้อรถยนต์ไฟฟ้าไปโดยปริยาย
ทรัมป์ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการตามคำสั่งนี้อย่างชัดเจน แต่หนึ่งในแนวทางที่เป็นไปได้คือการสั่งให้สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม (EPA) ทบทวนและปรับแก้ข้อจำกัดที่เพิ่งบังคับใช้เกี่ยวกับมลพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ ซึ่งมีความเข้มงวดมากจนทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต้องขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ปล่อยมลพิษ
ในปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สามารถเลือกวิธีการต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านการควบคุมมลพิษ แต่คาดการณ์ว่าผู้ผลิตส่วนใหญ่จะเลือกแนวทางการปรับเปลี่ยนสายการผลิตและการตลาด โดยมุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ได้แก่ รถยนต์ไฮบริดแบบปลั๊กอินที่ปล่อยมลพิษในระดับต่ำและรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่มีการปล่อยมลพิษเลย ควบคู่ไปกับการทยอยลดการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบสันดาปภายในแบบดั้งเดิมที่ปล่อยมลพิษสูง
ประเด็นของการยกเลิกมาตรการอุดหนุนอย่างสมบูรณ์นั้น จำเป็นต้องผ่านการพิจารณาและออกกฎหมายโดยรัฐสภา ซึ่งทรัมป์มีอำนาจบริหารในการปรับเปลี่ยนรายละเอียดของนโยบายได้ เช่น การกำหนดคุณสมบัติของบริษัทที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการส่วนลด และการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขอื่นๆ
ทั้งนี้ กระบวนการออกกฎระเบียบใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายนั้น มีขั้นตอนที่ซับซ้อนและต้องผ่านการพิจารณาจากหลายภาคส่วน จึงอาจต้องใช้เวลาดำเนินการหลายเดือนกว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์