‘ทรัมป์’ กับ ‘แรงเสียดทาน’

‘ทรัมป์’ กับ ‘แรงเสียดทาน’

 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเผชิญกับแรงเสียดทานจากทั้งผู้นำรัฐต่างๆ ผู้พิพากษา ธนาคารกลางสหรัฐ ตลาดหุ้น สื่อ และ พอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล ที่เริ่มตรวจสอบนโยบายของเขา

วันแรกที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งสมัยที่ 2 สาวกของเขาต่างยินดีปรีดา แต่สำหรับหลายคนทั่วโลก วันที่ 20 มกราคมถือเป็นวันที่เลวร้าย เพราะกลัวว่า ทรัมป์กำลังจะสร้างความปั่นป่วนให้กับทั้งเศรษฐกิจและการเมืองในสหรัฐและโลก  

“ทรัมป์หาเสียงโดยอาศัยคำโกหกล้วนๆ และชัยชนะของเขาไม่ได้ทำให้คำโกหกเหล่านั้นเป็นความจริง ราคาของเบคอนไม่ได้เพิ่มขึ้นสี่เท่าหรือห้าเท่า อเมริกาไม่ได้ประสบกับคลื่นอาชญากรรมขนาดใหญ่ที่เกิดจากผู้อพยพ” พอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลเขียนลงบนแพลตฟอร์ม substack.com

ในช่วงหาเสียงทรัมป์โจมตีรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนว่าบริหารผิดพลาดด้วยการใช้จ่ายงบสิ้นเปลือง ทำให้เกิดเงินเฟ้อสูงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน สำนักข่าวเอพีและสื่อมวลชนรายอื่นในสหรัฐต่างรายงานตรวจสอบที่ทรัมป์กล่าวอ้างว่าจริงหรือไม่ ซึ่งในประเด็นเงินเฟ้อพบว่า แม้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นในปี 2021-22 และแตะระดับสูงสุดที่ 9.1% ในเดือนมิถุนายน 2022 แต่ต่ำกว่าในปี 1980 เมื่ออัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงถึง 13.5%

เอพีระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่โทษการพุ่งสูงขึ้นของอัตราเงินเฟ้อว่าเป็นผลจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกจากการระบาดใหญ่ของโควิด ซึ่งทำให้อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์ รถยนต์ และสินค้าอื่นๆ ลดลง การรุกรานยูเครนของรัสเซียยังทำให้ราคาน้ำมันและอาหารพุ่งสูงขึ้น และเงินกระตุ้นเศรษฐกิจและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของไบเดนก็มีส่วน แต่ต่อมาเงินเฟ้อสหรัฐก็ชะลอลง จนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐลดดอกเบี้ยลง 3 ครั้งในปี 2024 รวม 1% สู่ระดับ 4.25-4.50 %

คาดเฟดไม่สนทรัมป์กดดัน

เมื่อวันพฤหัสบดี (23 ม.ค.) ทรัมป์กล่าวต่อที่ประชุม World Economic Forum ผ่านทางออนไลน์ว่า เขาจะผลักดันให้มีการลดดอกเบี้ยทันที ทั้งที่อำนาจการกำหนดนโยบายการเงินนั้นอยู่ภายใต้ธนาคารกลางสหรัฐ เขายืนยันกับนักข่าวจะหาเวลาเหมาะสมคุยกับเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดในเวลาที่เหมาะสม

ตลาดหุ้นตอบรับความพยายามของทรัมป์ แต่ตลาดเชื่อว่า เฟดจะคงดอกเบี้ยไว้ในการประชุมสัปดาห์นี้ พาวเวลล์เคยประกาศจุดยืนว่า การตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยของเฟดไม่ขึ้นกับฝ่ายการเมือง แต่ขึ้นกับข้อมูลทางเศรษฐกิจ และปัจจัยด้านเงินเฟ้อ หากเงินเฟ้อลดลงช้าก็จำเป็นต้องคงดอกเบี้ยไว้สูง หากชะลอลงเร็วก็ลดดอกเบี้ยลงได้อีก ทรัมป์จึงน่าจะประสบกับแรงเสียดทานในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ

ผู้พิพากษาสั่งระงับคำสั่งทรัมป์

สำหรับประเด็นทรัมป์กล่าวอ้างว่า อาญชากรรมพุ่งขึ้นมากในยุคไบเดน และผู้ลักลอบเข้าประเทศก่อคดีอาชญากรรมากในสหรัฐนั้นก็ไม่ตรงตามข้อเท็จจริง เอพีตรวจสอบแล้วพบว่า ข้อกล่าวอ้างของทรัมป์ไร้หลักฐาน สถิติของเอฟบีไอไม่ได้แยกอาชญากรรมตามสถานะการเข้าเมืองของผู้ก่อเหตุ และไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่า อาชญากรรมที่ก่อโดยผู้อพยพเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตามแนวชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโกหรือในเมืองที่มีผู้อพยพหลั่งไหลเข้ามามากที่สุด เช่น นิวยอร์ก ในความเป็นจริง สถิติระดับประเทศแสดงให้เห็นว่าอาชญากรรมรุนแรงกำลังลดลง

วันแรกของรับตำแหน่ง 20 มกราคม ทรัมป์ประกาศภาวะฉุกเฉินที่ชายแดนตอนใต้ติดกับประเทศเม็กซิโก อ้างเพื่อป้องกันพรมแดนไม่ให้คนอพยพลักลอบเข้าประเทศ ต่อมาส่งทหารไปประจำการที่ชายแดน

ครุกแมน วิจารณ์นโยบายเนรเทศคนเข้าเมืองผิดกฎหมายของทรัมป์ว่า ทรัมป์ทำเรื่องไร้สาระ คลื่นการอพยพของคนจากแคนาดา และเม็กซิโกมีแต่ในจิตนาการของทรัมป์เท่านั้น

ทรัมป์อ้างว่า การไล่คนอพยพออกไปและการลงทุนใหม่ๆ จะทำให้มีการจ้างงานคนอเมริกันจำนวนมาก แต่ครุกแมนแย้งว่า ตลาดแรงงานสหรัฐตึงตัวอยู่แล้ว เพราะมีการจ้างเต็มที่จากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ดังนั้นข้อกล่าวอ้างของทรัมป์ว่าจะเกิดการจ้างงานใหม่จำนวนมากจึงไม่ทีทางที่จะเกิดขึ้น

ไม่เพียงแต่นักเศรษฐศาสตร์หรือสื่อเท่านั้นที่ออกมาตรวจสอบและวิจารณ์ทรัมป์ แม้แต่บาทหลวงหัวก้าวหน้าก็ออกมาแสดงความเห็น 

โดยในระหว่างเทศนาในกรุงวอชิงตัน เมื่อ 21 ม.ค. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิธีการจัดขึ้นเพื่อต้อนรับผู้นำคนใหม่ บาทหลวงมาริแอนน์ บัดเด ขอให้ทรัมป์เมตตาต่อคนที่อยู่ในกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ และให้ทรัมป์เห็นใจต่อผู้อพยพที่มาทำงานรายได้ต่ำเช่น คนรับจ้างทำงานในฟาร์ม โรงงานแปรรูปอาหาร ทำงานล้างจานในร้านอาหาร หรือเข้าเวรกะกลางคืนในโรงพยาบาล

ทรัมป์ยังออกคำสั่งให้เหลือเพียงสองเพศหญิง-ชาย สั่งระงับโครงการส่งเสริมความเท่าเทียมกันของคนต่างเพศ ต่างเชื้อชาติ ทรัมป์ออกคำสั่งฝ่ายบริหารยกเลิกการให้สัญชาติผู้ที่เกิดในสหรัฐโดยอัตโนมัติ แม้ว่าพ่อแม่ของเด็กคนนั้นจะลักลอบเข้าประเทศ

คำสั่งของทรัมป์ทำให้เกิดกระแสต่อต้าน หลายรัฐได้ออกมาฟ้องร้องคดีต่อศาลโดยเห็นว่า คำสั่งยุติการให้สัญชาติคนเกิดในสหรัฐดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญ และต่อมาในวันพฤหัสบดีผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางในซีแอตเทิลได้สั่งระงับคำสั่งของทรัมป์ที่ให้ยกเลิกการให้สัญชาติโดยกำเนิดไว้ชั่วคราว ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐ จอห์น คอฟฟีเนอร์ ชี้ว่าคำสั่งของทรัมป์ “ขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน” และออกคำตัดสินห้ามไม่ให้คำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ หลังใช้เวลา 25 นาทีในการพิจารณาคดี

หลายฝ่ายคาดว่า คดีนี้จะขึ้นสู่ศาลฎีกาสหรัฐต่อไป

 

ทรัมป์กลัวตลาดหุ้นร่วง

นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า การที่ทรัมป์ยังไม่ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรกับจีน เม็กซิโก แคนาดา ยุโรปและประเทศอื่นๆ ในวันแรกที่รับตำแหน่ง เพราะเขากลัวว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะร่วง เนื่องจากนักเศรษฐศาสตร์เคยเตือนว่า นโยบายดังกล่าวจะก่อชนวนสงครามการค้า เงินเฟ้อกลับมาพุ่งสูงในสหรัฐ และกระทบเศรษฐกิจโลกหนัก หากตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสูงอย่างที่เขาเคยประกาศไว้

 

กระแสต้านทรัมป์และมหาเศรษฐี

ทรัมป์กำลังถูกจับตามองว่า อาจจะทำนโยบายเอื้อกับธุรกิจตนเองและมหาเศรษฐีโลก เช่น อีลอน มัสก์ คนที่ช่วยเขาหาเสียง คนอื่นๆ ที่สนับสนุนและบริจาคเงินให้กับทรัมป์ 

เมื่อเร็วๆ นี้ เกิดกระแสวิพากวิจารณ์ในวงการสื่ออย่างหนัก หลังนักเขียนการ์ตูนมือรางวัลพูลิตเซอร์ แอน เทลนาเอส แห่งหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ได้ลาออกเพื่อประท้วงที่วอชิงตันโพสต์ไม่ยอมตีพิมพ์การ์ตูนเสียดสีนายทุนและทรัมป์ ซึ่งในภาพล้อเลียนมี เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้ง Amazon และเจ้าของวอชิงตันโพสต์, แซม อัลท์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ OpenAI และ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Meta กำลังยื่นถุงเงินให้กับทรัมป์ และแพทริก ซูน-ชิอง เจ้าของบริษัท Los Angeles Times และมหาเศรษฐีผู้คิดค้นนวัตกรรมทางการแพทย์ ถือแท่งลิปสติกยื่นให้ทรัมป์

ครุกแมนเคยตั้งข้อสังเกตุว่า ทรัมป์อาจจะนำเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่วงจรนายทุนผูกขาดที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน