มัดรวมคำขู่เก็บภาษี‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ใคร ที่ไหน เมื่อใด

มัดรวมคำขู่เก็บภาษี‘โดนัลด์ ทรัมป์’   ใคร ที่ไหน เมื่อใด

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีมหาศาลตั้งแต่ก่อนหวนคืนสู่ทำเนียบขาว มีตั้งแต่เก็บเป็นวงกว้างกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ไปจนถึงเก็บเฉพาะภาคส่วน ภูมิภาค หรือประเทศ เพื่อให้ประเทศเหล่านั้นทำตามนโยบายที่ทรัมป์ต้องการ

 แต่คำข่มขู่ของทรัมป์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตั้งแต่บอกว่าจะเก็บเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงเก็บเกิน 200% ทำให้นานาประเทศและภาคธุรกิจไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป สำนักข่าวรอยเตอร์สสรุปคำขู่ที่เกี่ยวข้องกับการค้าของทรัมป์ไว้ดังต่อไปนี้

  •  เก็บภาษีไม่เลือกหน้า

ทรัมป์เคยบอกว่าจะเก็บภาษีหว่านแหสินค้านำเข้าสหรัฐทุกชนิด ขณะที่สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่เพิ่งได้รับการรับรองให้ดำรงตำแหน่งมาหมาดๆ เสนอให้เก็บในอัตรา 2.5% ต่อเดือน แต่ทรัมป์บอกว่าต้องเก็บสูงกว่านั้น

ภาษีศุลกากรเคยเป็นเสาหลักของรายได้จากภาษี แต่เมื่อไม่กี่ทศวรรรษที่ผ่านมากลับลดลงเหลือเพียงเศษเสี้ยวของรายได้ภาษี นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า นโยบายของทรัมป์จะทำให้เกิดเงินเฟ้อ เมื่อธุรกิจที่นำเข้าสินค้าซึ่งเป็นคนจ่ายภาษี ส่งต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปให้ผู้บริโภค

คู่ค้าทั่วโลกก็อาจเก็บภาษีตอบโต้จากสินค้าส่งออกของสหรัฐ เช่น สินค้าเกษตร พลังงาน และเครื่องจักรกล นี่อาจทำให้สงครามการค้าบานปลาย ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนต่อภาคธุรกิจและนักลงทุน

  •  พุ่งเป้ารายประเทศ

การเก็บภาษีของทรัมป์มีเป้าหมายคู่ค้าหลักหลายราย

เม็กซิโกและแคนาดา: ทั้งสองประเทศเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของสหรัฐในปี 2024 นับถึงเดือน พ.ย. โดยเม็กซิโกเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งทรัมป์จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสองประเทศในอัตรา 25% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. เพื่อตอบโต้การลักลอบเข้าเมืองและยาเฟนตานิล

แคนาดาส่งออกน้ำมันดิบ, สินค้าพลังงานอื่นๆ, รถยนต์, อะไหล่รถยนต์มาให้สหรัฐในฐานะส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนผลิตรถยนต์อเมริกาเหนือ ส่วนเม็กซิโกส่งออกสินค้าหลายชนิดมาให้ภาคอุตสาหกรรมและภาครถยนต์ของสหรัฐ

จีน: ทรัมป์บอกว่า สนทนากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง “ฉันมิตร” แต่ก็ยังเดินหน้าขู่เก็บภาษีจีน ตอนเป็นประธานาธิบดีสมัยแรกสองประเทศทำสงครามการค้ากันยาวนานเสียหายด้วยกันทั้งคู่

ยุโรป: ทรัมป์กล่าวว่าสหภาพยุโรป (อียู) และประเทศอื่นๆ ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐมากจนเป็นปัญหา สินค้าเหล่านี้ถ้าไม่ถูกเก็บภาษี พวกเขาก็ต้องซื้อน้ำมันและก๊าซจากสหรัฐเพิ่ม ทั้งๆ ที่การส่งออกก๊าซของสหรัฐใกล้ถึงเพดานเต็มที

รัสเซีย: ทรัมป์ขู่ว่าถ้าไม่บรรลุข้อตกลงยุติสงครามยูเครนในเร็วๆ นี้ จะเล่นงานรัสเซีย “และประเทศผู้มีส่วนร่วมอื่นๆ” ด้วยภาษี, ภาษีศุลกากร และมาตรการคว่ำบาตร

อินเดีย/สมาชิกบริกส์: ระหว่างหาเสียงทรัมป์เรียกอินเดียว่า “ผู้ละเมิดการค้ารายใหญ่มาก” และลั่นวาจาจะใช้ภาษีแก้ไขการค้าที่ไม่สมดุล และจะเก็บภาษีสมาชิกกลุ่มบริกส์ด้วย ถ้าไม่ยอมรับความต้องการของเขาด้วยการรับปากว่าจะไม่สร้างเงินสกุลใหม่

โคลอมเบีย: ทรัมป์กล่าวอย่างขึงขังจะเก็บภาษีสินค้าโคลอมเบีย 25% หลังโคลอมเบียไม่รับเที่ยวบินบรรทุกผู้อพยพที่ถูกเนรเทศออกจากสหรัฐ สุดท้ายทั้งสองฝ่ายประสานงานกันเพื่อหาทางออก

  •  พุ่งเป้ารายผลิตภัณฑ์

เซมิคอนดักเตอร์: ทรัมป์ต้องการเก็บภาษีชิปคอมพิวเตอร์นำเข้า หมายตาไปที่ไต้หวัน ที่บริษัทไต้หวันเซมิคอนดักเตอร์แมนูแฟคเจอริง (ทีเอสเอ็มซี) ผู้รับจ้างผลิตชิปรายใหญ่สุดของโลกผลิตเซมิคอนดักเตอร์ให้กับอินวิเดีย, แอปเปิ้ล และลูกค้าสหรัฐอื่นๆ ในปี 2024 รายได้ 70% ของทีเอสเอ็มซีมาจากลูกค้าในอเมริกาเหนือ

ยา: ทรัมป์เสนอให้เก็บภาษีจากยาซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากช่วงสองถึงสามทศวรรษหลังยาได้รับการยกเว้นไม่ถูกเก็บภาษี

โลหะ: ทรัมป์บอกด้วยว่า จะเก็บภาษีอลูมิเนียมและทองแดง โลหะสำคัญที่จำเป็นต้องใช้ในการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐ รวมถึงเหล็ก เพื่อบีบให้ผู้ผลิตต้องผลิตในสหรัฐ นั่นอาจเพิ่มต้นทุนสำหรับบริษัทผลิตรถยนต์และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ใช้วัตถุดิบเหล่านั้น สหรัฐนำเข้าทองแดง 38% และพึ่งพาอลูมิเนียมนำเข้าสูงมาก

รถยนต์: ทรัมป์เล็งเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% ในวันที่ 1 ก.พ.และเสนอแนวคิดการจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ประเภทอื่น ๆ ในอัตรา 100% ขึ้นไป เป็นไปได้ว่ารวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าด้วย ในปี 2024อุตสาหกรรมรถยนต์นำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกรวมกันกว่า 2.02 แสนล้านดอลลาร์

  •  เดินหน้าเก็บภาษี 1 ก.พ.

แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงข่าวครั้งแรกเมื่อวันอังคาร (28 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นว่า ทรัมป์จะเก็บภาษีแคนาดาและเม็กซิโกตามกำหนด 1 ก.พ. และกำลังพิจารณาเก็บจากจีนในวันเดียวกันด้วย

โฆษกไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า แคนาดา เม็กซิโก และจีนต้องทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ถูกเก็บภาษี

การเก็บภาษีสามประเทศนี้ถือว่าทรัมป์เดิมพันสูงมาก เนื่องจากเป็นสามคู่ค้าใหญ่สุดมูลค่าการนำเข้า-ส่งออกแต่ละปีกว่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์

ในวันพุธ (29 ม.ค.) โฮวาร์ด ลุตนิก คนที่ทรัมป์เสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดูแลยุทธศาสตร์การค้า มีกำหนดเข้าให้ข้อมูลเพื่อให้วุฒิสภารับรอง แถลงการณ์ที่เขาเตรียมไว้ไม่ได้มีรายละเอียดใหม่เกี่ยวกับแผนการค้าของทรัมป์

แมรี เลิฟลี นักเศรษฐศาสตร์การค้าจากสถาบันปีเตอร์สันเพื่อเศรษศาสตร์ระหว่างประเทศ กล่าวว่า การไหลเวียนสินค้าที่ต้องสะดุดลงในภูมิภาคอเมริกาเหนือที่เศรษฐกิจสอดประสานกันอย่างเหนียวแน่นจะก่อให้เกิดผลกระทบสูงมาก ภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบหนักสุดภาคส่วนหนึ่งคืออุตสาหกรรมรถยนต์ ที่อะไหล่และส่วนประกอบต้องส่งต่อกันข้ามพรมแดนหลายครั้งก่อนประกอบเป็นรถยนต์ในสหรัฐ แคนาดา หรือเม็กซิโก ซึ่งสหรัฐเองก็ต้องเสียหายเช่นกัน