กำไร Samsung ไตรมาส 4 ปี 67 ร่วง 29% หลังความต้องการ ‘ชิป’ ชะลอตัว

Samsung รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 67 มีกำไรเพิ่มขึ้น 130% จากปีก่อน แต่ร่วง 29% จากไตรมาสก่อน หลังความต้องการ ‘ชิป’ ชะลอตัว ส่วนกำไรธุรกิจสมาร์ทโฟนก็ร่วง 22%
ซีเอ็นบีซีรายงานผลประกอบการ “ซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์” ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำและยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ในตลาดสมาร์ทโฟนไตรมาส 4 ปี 2567 โดยมีรายได้ 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดเพิ่มขึ้น 12% ขณะที่กําไรจากการดําเนินงานอยู่ที่ 6.5 ล้านล้านวอนเพิ่มขึ้นประมาณ 130% จากปีก่อน แต่ลดลงถึง 29% จากไตรมาสที่ 3 ทำให้ราคาหุ้นร่วงกว่า 2% ในช่วงเปิดตลาด
ซัมซุงรายงานว่า แม้ผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดจะหดตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่เมื่อพิจารณาภาพรวมทั้งปี พบว่ารายได้สูงเป็นอันดับจากสถิติในปี 2565 โดยทั้งปี 2567 ซัมซุงรายงานรายได้ 300.9 ล้านล้านวอนเพิ่มขึ้น 16.2% และกําไรจากการดําเนินงาน 32.7 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 398% จากปีก่อน
ไตรมาสปัจจุบัน Samsung ระบุว่า รายได้อาจจำกัดเนื่องจากความอ่อนแอในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ แต่บริษัทวางแผนจะผลักดันยอดขายผ่านสมาร์ทโฟน AI และผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมอื่นๆ เพื่อรักษาอัตราการเติบโต
ธุรกิจไหนทำกำไรบ้าง
กำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจโทรศัพท์มือถือของซัมซุงในไตรมาสที่สี่ลดลง 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลือ 2.1 ล้านล้านวอน
ธุรกิจชิปของซัมซุงเผชิญหน้ากับความท้าทายในไตรมาสนี้ โดยมีกำไรลดลงมากกว่า 25% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อยู่ที่ 2.9 ล้านล้านวอน ซึ่ง เมื่อพิจารณาผลประกอบการด้านชิปตลอดทั้งปี พบว่าซัมซุงมีกำไรต่ำกว่าคู่แข่งอย่าง SK Hynix ที่มีกำไร 8.08 ล้านล้านวอน
ในไตรมาสนี้ธุรกิจหน่วยความจำของซัมซุงกลับทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยยอดขายถึง 30.1 ล้านล้านวอน ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการชิปประสิทธิภาพสูงที่ใช้ในแอปพลิเคชัน AI
กำไรในไตรมาสนี้ลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากบริษัทลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่เพิ่มขึ้น ในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดเทคโนโลยีในอนาคต
อย่างไรก็ดี ซัมซุงมองว่าในปี 2025 รายได้ในไตรมาสแรกจะเติบโตอย่างจำกัดเนื่องจากตลาดชิปยังคงซบเซา ซึ่งบริษัทกำลังเร่งผลิตชิปเพื่อตอบสนองความต้องการของ Nvidia และคาดว่าความต้องการของตลาดหน่วยความจําโดยรวมคาดว่าจะฟื้นตัวจากไตรมาสที่ 2