อาร์เจนตินา อาจถอดถอนประธานาธิบดีโทษฐานเอี่ยวเงินคริปโท

อาร์เจนตินา อาจถอดถอนประธานาธิบดีโทษฐานเอี่ยวเงินคริปโท

หลายฝ่ายในอาร์เจนตินากล่าวหา ประธานาธิบดีฮาเวียร์ มิไล ว่าเข้าไปพัวพันในการสร้างและค้าเงินดิจิทัลสกุลใหม่ชื่อ “ดอลลาร์ลิบรา” ($LIBRA)

การเข้าไปพัวพันของ ปธน.อาร์เจนตินา จะจริงหรือไม่ยังอยู่ในระหว่างการค้นหาข้อมูล  สมาชิกรัฐสภาตั้งประเด็นขึ้นมาเนื่องจากนายมิไลอ้างถึงเงินสกุลนั้นพร้อมกับข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งซื้อขายในข้อความที่เขาส่งออกไปทางสื่อสังคมออนไลน์ X  หลังเงินนั้นออกสู่ตลาดเพียงไม่กี่นาที  

การอ้างถึงเงินดิจิทัลสกุลใหม่ในแนวนั้นโดยบุคคลผู้รั้งตำแหน่งสำคัญส่งผลให้ราคาเหรียญพุ่งขึ้นทันที  หลังถูกกล่าวหาว่าตนได้รับผลประโยชน์

นายมิไลก็ลบข้อความของตนส่งผลให้ราคาของเงินนั้นตกฮวบ  ผู้ลงทุนซื้อมันไว้รวมทั้งนักเก็งกำไรจำนวนมากสูญทรัพย์สิน จึงออกมาโจมตีนายมิไลร่วมกับฝ่ายค้านในรัฐสภา  

ขณะนี้มีการสอบสวนอย่างเป็นทางการจากองค์กรของรัฐบาลและสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเกริ่นว่าอาจจะนำไปสู่การขอมติรัฐสภาถอดถอนนายมิไลออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี

เงินดิจิทัลสกุลใหม่ยังไม่มีรายละเอียดมากนัก นอกจากถูกสร้างขึ้นมาโดยนายเฮเดน เดวิส หัวหน้าคณะผู้บริหารของกิจการลงทุนชื่อ ไคเซอร์ เวนเจอรส์ ซึ่งใช้ฐานด้านเทคโนโลยีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และภรรยาใช้ออกเหรียญดิจิทัลของตนเมื่อไม่นานมานี้ 

เป็นที่น่าสังเกตว่าเพราะอะไรเขาจึงใช้ชื่อเงินดิจิทัลสกุลใหม่ว่า $LIBRA 

ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน มีกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่จำนวนมากจากหลากหลายสายธุรกิจนำโดยสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊กเสนอโครงการสร้างเงินดิจิทัลสกุลใหม่ชื่อ “ลิบรา” (Libra) โดยจะผูกค่าไว้กับเงินตราสกุลใหญ่ๆ เช่น ดอลลาร์ของสหรัฐและยูโรของสหภาพยุโรป 

ในระหว่างดำเนินการสร้างเงินนั้นก็ ชื่อถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “เดียม” (Diem) เนื่องจากชื่อเดิมล่อแหลมต่อการถูกฟ้องฐานละเมิดลิขสิทธิ์  

การผูกค่าของเงินสกุลใหม่ไว้กับค่าของสินทรัพย์อื่นรวมทั้งเงินตราของประเทศต่างๆ ทำให้มันถูกจัดอยู่ในหมู่ที่เรียกว่า “เหรียญมั่นคง” (stablecoin) ซึ่งรัฐบาลไทยเกริ่นว่าจะสร้างขึ้นมาเช่นกัน  การผูกค่าเช่นนั้นอาจทำให้มันมั่นคงกว่าเงินดิจิทัลทั่วไปที่ไม่มีการผูกค่า  

ทว่ามันมีปัญหาถ้าจะนำไปผูกไว้กับค่าของเงินตราของประเทศต่างๆ ดังในกรณีของเงินลิบรา กล่าวคือ เมื่อผู้นำของโครงการนำแนวคิดไปเสนอต่อรัฐบาลสหรัฐและสหภาพยุโรป ปรากฏว่ารัฐบาลเหล่านั้นต่อต้านอย่างหนักยังผลโครงการถูกพับไปในปี 2566 

ณ วันนี้เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดพร้อมกับมีผู้เชี่ยวชาญในการใช้มันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน  หนึ่งในการใช้ได้แก่การสร้างเงินดิจิทัลแบบต่างๆ ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน ด้วยเจตนาที่ยากจะคาดเดาได้ว่าเป็นอะไรกันแน่ 

ส่วนใหญ่สร้างขึ้นในภาคเอกชนซึ่งเรียกรวม ๆ กันว่า “เงินคริปโท” (cryptocurrency)  เงินเหล่านี้ไม่มีทรัพย์สินใดๆ เป็นฐาน หรือผูกโยงไว้  ฉะนั้น ค่าของมันมักขึ้นลงครั้งละมากๆ แบบกะทันหันและสกุลของมันอาจสูญหายไปภายในพริบตาโดยผู้ถือครองจะไปเรียกหาเอาอะไรจากใครไม่ได้

บิตคอยน์เป็นเงินคริปโทสกุลแรกซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 2552  ปรากฏว่าได้รับความนิยมสูงมากทั้งในด้านการใช้เป็นตัวกลางในกิจการซื้อขายและในด้านการลงทุนซึ่งมักเป็นการเก็งกำไรโดยการซื้อเก็บไว้เพื่อขายต่อ  ค่าของมันจึงเพิ่มขึ้นไปตามความนิยม  

คงเพราะเหตุนี้จึงมีผู้สร้างเงินคริปโทตามมาอย่างรวดเร็ว  ข้อมูลบ่งว่ามีการสร้างขึ้นแล้วหลายหมื่นสกุล  แต่ส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จจึงถูกยกเลิกไป หรือไม่ก็ถูกยกเลิกด้วยความจงใจ หรือล้มกระดานเพื่อริบทุนของนักเก็งกำไรที่นำมาใช้ซื้อเงินคริปโท 

ประเด็นหลังนี้เป็นที่มาของการกล่าวหาประธานาธิบดีมิไลและผู้สร้างเงินสกุลดอลลาร์ลิบรา 

ความผันผวนของราคา ความไม่มีทรัพย์สินอื่นเป็นฐานและการล้มกระดานของผู้สร้าง น่าจะบอกใบ้ให้แก่ผู้ต้องการจะเข้าไปร่วมเก็งกำไรว่า อย่าทำเด็ดขาด นอกจากทรัพย์สินดีๆ ที่นำไปแลกเงินคริปโทมาเก็บไว้นั้น ถ้าสูญไปจะไม่ทำให้ตนและครอบครัวเดือดร้อนอย่างสาหัส.