'เยอรมนี' เปิดหีบเลือกตั้งวันนี้! พร้อมเผยโฉมตัวเต็งนายกฯ ใหม่

เปิดคูหาเลือกตั้งเยอรมนีวันนี้ ชี้ชะตานายกรัฐมนตรีคนใหม่ คาดพรรค CDU กลับมาผงาดนับตั้งแต่ยุคแมร์เคิล ขณะที่พรรคขวาจัด AfD จ่อมาอันดับ 2 จากนโยบายคุมเข้มผู้อพยพ
ชาวเยอรมันเริ่มออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้วในวันนี้ (23 ก.พ.) ซึ่งจะเป็นการตัดสินชี้ชะตารัฐบาลใหม่ และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ต่อจาก "โอลาฟ ชอลซ์" ที่แพ้การลงมติไม่ไว้วางใจเมื่อปลายปีที่ผ่านมา จนต้องประกาศยุบสภาเลือกตั้งใหม่
เดิมทีการเลือกตั้งมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนก.ย. แต่ต้องจัดเร็วกว่ากำหนดเนื่องจากการล่มสลายของรัฐบาลผสมซึ่งประกอบด้วยพรรคสังคมประชาธิปไตย (SPD) พรรคกรีน (Greens) และพรรคเสรีประชาธิปไตย (FDP) ที่แพ้การลงมติไม่ไว้วางใจเมื่อช่วงปลายเดือนธ.ค. 2567
ผลสำรวจเมื่อวันศุกร์ซึ่งจัดทำโดย Forsa Institute พบว่า พรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU)/พรรคสหภาพสังคมคริสเตียน (CSU) ซึ่งเป็นแนวร่วมพรรคอนุรักษ์นิยม กำลังมีคะแนนนำ โดยได้รับเสียงสนับสนุน 29% ขณะที่พรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี (AfD) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดได้ไป 21% และพรรค SPD ได้ไป 15% ส่วนผู้ตอบแบบสำรวจ 22% ยังไม่มั่นใจว่าจะเลือกพรรคใด
ซีเอ็นเอ็นรายงานว่าเดิมทีนั้น บรรยากาศการเลือกตั้งทั่วไปในเยอรมนีมักจะแห้งแล้งและเป็นที่คาดเดาได้ แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ต่างออกไปเนื่องจากมีหลายเหตุการณ์เกี่ยวเนื่องเกิดขึ้น ตั้งแต่นายกฯ ไล่รัฐมนตรีคลังจากพรรคร่วมรัฐบาล SPD ออกจากตำแหน่ง นำไปสู่การพ่ายโหวตไม่ไว้วางใจ และต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่เร็วขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน "อีลอน มัสก์" มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลกจากเทสลาและเป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐในขณะนี้ ก็ได้เข้ามาเอี่ยวกับการเมืองเยอรมนีด้วยการสนับสนุนพรรคขวาจัด AfD และทำให้เกิดประเด็นโต้เถียงเป็นไวรัลไปทั่วประเทศว่า เยอรมนีจดจำประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 20 ของตนเองอย่างไร ถึงขั้นที่นายกฯ ชอลซ์กล่าวว่าการที่มัสก์สนับสนุนนักการเมืองขวาจัดในยุโรปเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ
ในครั้งนี้ เป็นที่คาดว่าพรรค AfD จะได้คะแนนเสียงมากขึ้น โดยหลายโพลล์ก่อนหน้านี้บ่งชี้ว่าอาจจะได้เสียงมาเป็นอันดับ 2 ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็จะเป็นก้าวสำคัญครั้งแรกของพรรคขวาจัดนับตั้งแต่ยุคนาซีเป็นต้นมา โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้มี 2 ประเด็นใหญ่สำคัญคือ การควบคุมผู้อพยพ และการพลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศที่ถดถอย
จับตา 4 หัวหน้าพรรคและตัวเต็งนายกฯ ใหม่
1. ฟรีดริช แมร์ซ (FRIEDRICH MERZ) พรรค CDU
ฟรีดริช แมร์ซ จากพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) ซึ่งเป็นพรรคกลาง-ขวา ของอดีตนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล เป็นตัวเต็งในการแข่งขันครั้งนี้มาอย่างยาวนาน โดยแนวร่วมสหภาพซึ่งประกอบด้วยพรรค CDU และ CSU ซึ่งเป็นพรรคพี่น้องในบาวาเรีย ได้รับคะแนนนิยมมากกว่า 30% เป็นประจำ และดูเหมือนว่าอาจจะชนะได้หวนกลับมาเป็นผู้นำทางการเมืองของเยอรมนีอีกครั้งในรอบนี้
พรรค CDU มีนโยบายที่เข้มงวดยิ่งขึ้นต่อผู้อพยพมากกว่าในยุคของแมร์เคิลที่เปิดพรมแดน ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการหาเสียง แมร์ซได้ผลักดันให้ปัญหาผู้อพยพกลายเป็นประเด็นสำคัญ มากเสียจนเขาถูกกล่าวหาว่ากำลังเปิดประตูพร้อมทำงานร่วมกับฝ่ายขวาจัด
ในช่วงปลายเดือนม.ค. เขาสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วประเทศกับการพยายามผลักดันกฎหมายในสภาที่บังคับใช้การควบคุมผู้อพยพที่เข้มงวดขึ้น โดยเต็มใจที่จะรับการสนับสนุนจากพรรค AfD ซึ่งถือเป็นการทำลายธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมืองมาอย่างยาวนาน แม้ว่าสุดท้ายจะล้มเหลวก็ตาม และทำให้เกิดการประท้วงขึ้นในหลายเมือง
แมร์ซซึ่งเคยออกจากการเมืองไปเป็นทนายความบริษัทเอกชนช่วงหนึ่ง และนั่งเป็นบอร์ดกำกับดูแลในหลายบริษัทรวมถึงกองทุน BlackRock เคยท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค CDU มาแล้วสองครั้งทว่าล้มเหลว คือในปี 2018 และ 2021 ก่อนจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคในปี 2022
2 อลิซ ไวเดล (ALICE WEIDEL) พรรค AfD
อลิซ ไวเดล หัวหน้าพรรคขวาจัด AfD เป็นผู้ที่มีนโยบายต่อต้านการอพยพเข้าเมืองอย่างแข็งกร้าว
พรรค AfD ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งระดับภูมิภาคปี 2024 กลายเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐ Thuringia เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ยุคนาซี และเกือบคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งระดับภูมิภาคอีกแห่ง
ผลสำรวจความเห็นบ่งชี้ว่าความนิยมของพรรคได้ขยายไปสู่ระดับประเทศด้วย โดยพรรค AfD อยู่ในอันดับสองของการสำรวจมาโดยตลอดด้วยคะแนนราว 20% นับตั้งแต่มีการประกาศเลือกตั้งกะทันหัน และตัวเลขดังกล่าวแทบไม่เปลี่ยนแปลงเลย
ในการให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นระหว่างการชุมนุมใหญ่ของ AfD ซึ่งมีอีลอน มัสก์ปรากฏตัวผ่านวิดีโอลิงก์ด้วย อลิซ ไวเดล กล่าวว่า หนึ่งในมาตรการแรกของเธอหากได้เป็นนายกรัฐมนตรีคือ “ปิดพรมแดน ควบคุมการเข้าออก และส่งตัวผู้อพยพผิดกฎหมายทั้งหมดออกไป” โดยเธอเรียกนโยบายนี้ว่า "remigration" ซึ่งเป็นคำที่มีนัยเกี่ยวข้องกับยุคนาซี
3. โอลาฟ ชอลซ์ (OLAF SCHOLZ) พรรค SPD
พรรค SPD ของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันอาจกลายเป็นผู้แพ้รายใหญ่ที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้
หลังจากคว้าชัยชนะและกลายเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุดในการเลือกตั้งเมื่อปี 2021 ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดบ่งชี้ว่า SPD กำลังเผชิญกับแนวโน้มคะแนนเสียงลดลงราว 10 จุด ซึ่งอาจทำให้พรรคไม่เพียงแค่ตามหลัง AfD เท่านั้น แต่ยังต้องแข่งขันกับพรรคกรีน เพื่อรักษาอันดับที่ 3
ชอลซ์ ขึ้นสู่อำนาจบนกระแสความหวังหลังยุคแมร์เคิล แต่รัฐบาลผสมแบบ "สัญญาณไฟจราจร" ของเขากลับเต็มไปด้วยความขัดแย้งตั้งแต่เริ่มต้น หลายครั้งความเห็นต่างเหล่านี้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ทำให้ประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายกับการทะเลาะกันภายในรัฐบาล และนำไปสู่มุมมองเชิงลบต่อทั้งชอลซ์และพรรคอย่างรุนแรง ผลสำรวจความเห็นของสำนักหนึ่งเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา จัดอันดับให้เขาเป็น "นายกรัฐมนตรีที่ไม่เป็นที่นิยมมากที่สุดของเยอรมนี" นับตั้งแต่การรวมประเทศ
4. โรเบิร์ต ฮาเบ็ค (ROBERT HABECK) พรรคกรีน
พรรคกรีน ซึ่งมีคะแนนนิยมระดับประเทศอยู่ที่ราว 13% ก็เป็นหนึ่งในพรรคที่ถูกจับตามองเช่นกัน แม้ว่าพรรคอาจไม่ได้รับคะแนนเสียงมากพอที่จะกลายเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุด แต่พรรคกรีนก็อาจมีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลชุดถัดไป โรเบิร์ต ฮาเบ็ค ผู้สมัครนายกรัฐมนตรีของพรรคกรีน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนี