‘ภาษีเหล็ก’ ทรัมป์ เป้าหมายมุ่งซัด ‘จีน’ ต้านการทุ่มตลาดเหล็กทั่วโลก

ภาษีโดนัลด์ ทรัมป์ที่กำหนดต่อเหล็กและอลูมิเนียมจากทั่วโลก สะท้อนถึงความกังวลสหรัฐที่ต้องการพุ่งเป้าไปที่ “จีน” จากเหล็กจีนที่ล้นตลาดโลก กระทบต่อภาคการผลิตในสหรัฐ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างความเห็นของ “อดีตที่ปรึกษาการค้าทำเนียบขาว” ที่กล่าวว่า ภาษีศุลกากรของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” แห่งสหรัฐ ที่กำหนดต่อ “อลูมิเนียม” และ “เหล็ก” ส่วนใหญ่ มีแรงจูงใจจากความกังวลว่า “จีน” กำลังส่งออกโลหะมหาศาลจนท่วมตลาดโลก และทำร้ายการผลิตของสหรัฐ
“ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งเมื่อเดือนนี้ เพื่อกำหนดภาษี 25% สำหรับการนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมทุกรายการ ไม่ว่าจะมาจากที่ใด โดยระบุว่าเป็นการดำเนินการที่จำเป็นเพื่อเสริมสร้างการผลิตในสหรัฐ และสร้างงาน นั่นเป็นการสะท้อนถึงความกังวลที่ว่า สิ่งที่สหรัฐทำมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งปัญหาการผลิตของจีนที่เกินความต้องการในอุตสาหกรรมเหล่านี้” เคท คาลุทเควิคซ์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการค้าระหว่างประเทศที่สภาเศรษฐกิจแห่งชาติในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ของแคนาดา
คาลุทเควิคซ์ชี้ว่า วิธีการทางเศรษฐกิจของจีนไม่ได้อิงกับกลไกตลาดเสรี เช่น การควบคุมราคา การอุดหนุน หรือการแทรกแซงของรัฐบาล ซึ่งได้เอื้อต่อการเกิดภาวะอุปทานล้นเกินในระดับโลก โดยภาษีโลหะจากสหรัฐจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 มีนาคม
คาลุทเควิคซ์ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำการปฏิบัติด้านการค้าของ McLarty Associates ได้แสดงท่าทีถึงอนาคตของพันธมิตรการค้าระหว่างสหรัฐ เม็กซิโก และแคนาดา ซึ่งได้รับการเจรจาต่อรองใหม่ในช่วงการบริหารของทรัมป์ และกลายเป็นกฎหมายในปี 2020
“ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในอเมริกาเหนือ เป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุดในโลก หรืออาจจะเป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุด” เธอกล่าว
เป้าหมายของทรัมป์ในการบังคับใช้ “ความเจ็บปวดในระดับสูงสุด” ต่อแคนาดาและเม็กซิโก คือเพื่อให้แน่ใจว่าสหรัฐจะได้รับข้อตกลงที่ดีที่สุด ตามคำกล่าวของคาลุทเควิคซ์ “ฉันคิดว่า เราจะมีการพูดคุยอย่างมีพลวัตรเกี่ยวกับอนาคตของความสัมพันธ์นี้”
ทั่วโลกงัดภาษีสู้เหล็กจีน
นอกจากสหรัฐแล้ว ก่อนหน้านั้น “แคนาดา” ได้กำหนดภาษี 25% กับเหล็กและอลูมิเนียมที่ผลิตในจีนหลากหลายประเภทในเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว โดยอ้างถึงความกังวลปัญหาการผลิตเกินความต้องการเช่นกัน
“นโยบายและแนวปฏิบัติจีนที่ไม่ใช่กลไกตลาด ได้สร้างสนามแข่งขันที่ไม่ยุติธรรมสำหรับธุรกิจต่างๆ และบ่อนทำลายความสำเร็จของคนทำงานชาวแคนาดา รัฐบาลของเราจะปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติและผลประโยชน์สูงสุดของชาวแคนาดาเสมอ” รัฐมนตรีกระทรวงส่งเสริมการส่งออก การค้าโลก และการพัฒนาทางเศรษฐกิจของแคนาดาแถลง
ขณะที่ “ยุโรป” อาจร่วมมือกับสหรัฐ เพื่อต่อสู้กับการผลิตล้นเกินของจีน โดยหลังจากการประชุมที่มีความสำคัญสูงกับเจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐเมื่อวันพุธ (20 ก.พ.) มารอช เชฟโควิช กรรมาธิการสโลวาเกียที่รับผิดชอบด้านการค้าและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปกล่าวว่า “บรัสเซลส์แห่งอียูและวอชิงตันควรทำงานร่วมกัน เพื่อต่อสู้กับการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งทำให้อุตสาหกรรมเหล็กและอะลูมิเนียมของสหภาพยุโรปและสหรัฐแข่งขันได้ยากขึ้น”
“คำร้องขอของผมที่นี่ คือ อย่ามุ่งเป้าไปที่ภาคอุตสาหกรรมเหล็กและอะลูมิเนียมของกันและกัน” เชฟโควิชกล่าว
ด้าน "เวียดนาม" จะเรียกเก็บภาษีสู้กับการทุ่มตลาดเหล็กจากจีน ตามรอยเกาหลีใต้และประเทศอื่น ๆ ในการตอบโต้ต่ออุปทานที่เพิ่มขึ้น โดยเริ่มจากเหล็กม้วนรีดร้อนบางประเภทตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ในอัตรา 19.38% ถึง 27.83% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคมและมีระยะเวลา 120 วัน
จีนส่งออกเหล็กม้วนร้อนไปยังเวียดนามราว 8 ล้านตันเมื่อปีที่แล้ว และภาษีดังกล่าวคาดว่าจะครอบคลุมประมาณ 50% ของปริมาณดังกล่าว ตามข้อมูลจาก Citigroup ที่อ้างอิงการหารือกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ จีนผลิตเหล็กดิบคิดเป็น 55.1% ของปริมาณการผลิตทั่วโลกในปี 2023 ตามรายงานของสมาคมเหล็กยุโรป ขณะที่สหภาพยุโรปผลิต 6.8% และสหรัฐฯ ผลิต 4.4% นอกจากนี้ จีนยังผลิตอะลูมิเนียมเกือบ 60% ของปริมาณการผลิตทั่วโลกในปี 2022 ตามข้อมูลของสถาบันอะลูมิเนียมนานาชาติ
การที่จีนส่งออกเหล็กไปต่างประเทศมากที่สุดในรอบเก้าปีในปี 2024 สถานการณ์ดังกล่าวปูทางให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอการเก็บภาษี 25% สำหรับการนำเข้าเหล็กทั้งหมดของสหรัฐฯ และยังทำให้หลายประเทศ ตั้งแต่เกาหลีใต้ บราซิล ไปจนถึงอินเดีย พิจารณาเรียกเก็บภาษีเช่นกัน
อ้างอิง: bloomberg, euractiv, canada