ค้าชายแดนระส่ำ! ไทยปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ กระทบ ศก.สองฝั่งชายแดน

ค้าชายแดนระส่ำ! ไทยปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ กระทบ ศก.สองฝั่งชายแดน

การปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ในเมียนมาของรัฐบาลไทย ส่งผลกระทบไม่น้อยต่อการค้าชายแดนไทย - เมียนมา โดยการค้าข้ามพรมแดนน่าจะลดลงมากกว่า 20%

เว็บไซต์นิกเคอิ เอเชียรายงานว่า การที่รัฐบาลไทยปราบแก๊งหลอกลวงออนไลน์ในเมียนมา ส่งให้การค้าข้ามพรมแดนทางบกระหว่าง ไทย-เมียนมา “หยุดชะงัก” ในหลายพื้นที่
หลังจากเผชิญแรงกดดันจากจีน ไทยจึงเริ่มมาตรการตัดกระแสไฟฟ้า และลดปริมาณเชื้อเพลิงข้ามพรมแดนไปยังเมียนมาตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จนส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนจำนวนไม่น้อยเผชิญกับภาวะขาดแคลนไฟฟ้า หรือจำเป็นต้องใช้เครื่องปั่นไฟจากน้ำมันดีเซลเป็นทางเลือกแทน

แม้ว่ามีผู้คนหลายร้อยคนได้รับการช่วยเหลือจากแก๊งต้มตุ๋น แต่การขาดแคลนพลังงาน และเชื้อเพลิง ได้ส่งผลกระทบต่อการค้า และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ฝั่งภาคตะวันตกของประเทศไทย ตามรายงานของหอการค้าในแม่สอดระบุว่า ในปีนี้ การค้าข้ามพรมแดนกับเมียนมาน่าจะลดลงมากกว่า 20%

“การค้า และกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดหยุดชะงักโดยสมบูรณ์” บรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าจังหวัดตาก ซึ่งดำเนินธุรกิจนำเข้าส่งออกในอำเภอแม่สอด กล่าว

ด้านประเสริฐ จึงกิจรุ่งโรจน์  เจ้าของปั๊มน้ำมันในแม่สอด กล่าวว่า “การค้าไม่คึกคักเหมือนเดือนที่แล้ว คนเมียนมาข้ามแดนมาซื้อของในไทยไม่มากนัก”

“สิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดคือเชื้อเพลิง” ประเสริฐ เสริม

ทั้งนี้ การส่งออกจากแม่สอดไปเมียนมามีมูลค่า 66,200 ล้านบาท เมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่มูลค่าการส่งออกทั้งหมดผ่านทางบกจากไทยทำสถิติสูงสุดที่ 1.1 ล้านล้านบาทในปี 2567

“ยิ่งการปราบปรามนี้ดำเนินไปนานเท่าไร การค้าชายแดนก็จะยิ่งลดลงมากเท่านั้น” บรรพต กล่าว

นอกจากนี้ บริเวณการค้าที่จุดตรวจชายแดนที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีมูลค่าการค้า 17,000 ล้านบาท เมื่อปีที่แล้ว ก็ซบเซามาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว และคาดว่าจะเลวร้ายลงอีก

นับตั้งแต่รัฐบาลบังคับใช้มาตรการระงับการส่งออกพลังงาน และน้ำมันไปยังเมียนมา การขนส่งน้ำมันด้วยเรือบรรทุกขนาดใหญ่กลายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย

“สิ่งที่เราเห็นในตอนนี้คือ ชาวเมียนมาบางคนข้ามพรมแดนมาเติมน้ำมันรถจากปั๊มน้ำมันท้องถิ่น เพื่อนำไปเติมเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลที่บ้าน" ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย กล่าว

ด้วยความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นใน “เมียวดี” ซึ่งเป็นเมืองหลักฝั่งตรงข้ามชายแดนในเมียนมา ได้ผลักดันราคาน้ำมันดีเซลต่อลิตรในแม่สอดจาก 30 บาท เป็นมากกว่า 100 บาท

ไม่เพียงเท่านั้น บรรดาธุรกิจต่างเกรงว่า รัฐบาลจะดำเนินการปราบปรามเว็บไซต์หลอกลวงอย่างเข้มงวดในทำนองเดียวกันตามแนวชายแดนกัมพูชาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะคุกคามการส่งออกข้ามพรมแดนที่มีมูลค่าประมาณ 142,000 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว

“แต่ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป ผมเกรงว่าเราจะไม่สามารถดันการค้าชายแดนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 6-7%" บรรพต กล่าว

ด้าน หอการค้าไทย ซึ่งประกอบด้วยหอการค้าจังหวัด 77 แห่งทั่วประเทศ ได้แสดงความกังวลต่อรัฐบาลเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา และกระตุ้นการค้าตามแนวชายแดนเมียนมารวมถึงเศรษฐกิจท้องถิ่น

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังไม่ได้ตอบรับคำร้องดังกล่าว โดยกล่าวว่านโยบายปราบปรามธุรกิจหลอกลวงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก

กระทรวงพาณิชย์ได้ระบุว่า จะพยายามลดผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจบริเวณชายแดนโดยการจัดงานแสดงสินค้าในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบ

“งานแสดงสินค้าอาจช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในเขตชายแดนของประเทศไทยได้ แต่ไม่สามารถช่วยกระตุ้นการส่งออกข้ามพรมแดนได้” ผกายมาศ กล่าว


อ้างอิง: nikkei

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์