วิเคราะห์ : คาด ‘เฟด’ ลดดอกเบี้ย มิ.ย. เหตุจ้างงาน ‘สหรัฐ’ ส่งสัญญาณ

วิเคราะห์ : คาด ‘เฟด’ ลดดอกเบี้ย มิ.ย. เหตุจ้างงาน ‘สหรัฐ’ ส่งสัญญาณ

“ธนาคารกลางสหรัฐ” เตรียมประชุมด้านนโยบาย วันที่ 18 - 19 มีนาคมนี้ แม้ภาพรวมตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง แต่แสดงสัญญาณบางอย่าง อาจอ่อนตัวลงในระยะเริ่มต้น

KEY

POINTS

  • ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง และภาษีศุลกากรของรัฐบาลทรัมป์ ยังเพิ่มแรงกดดัน
  • ผู้ว่าการธนาคารก

สถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้ ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากหาก อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง และภาษีศุลกากรของรัฐบาลทรัมป์ ยังเพิ่มแรงกดดัน

กระทรวงแรงงานสหรัฐ รายงานเมื่อวันศุกร์ (7 มี.ค.)ว่า การจ้างงานสหรัฐเติบโตขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีการจ้างงานเพิ่ม 151,000 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตรายเดือนที่ 80,000 - 100,000 ตำแหน่ง ตามที่คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ ได้กล่าวเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาว่า โดยมองว่า เป็นระดับการจ้างงานที่ดี

วอลเลอร์และเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆ กล่าวว่า ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งในตอนนี้ได้ช่วยให้ธนาคารกลางสามารถลดอัตราดอกเบี้ยข้ามคืน ซึ่งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานไว้ที่ระดับ 4.25 - 4.50% อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางกำลังรอดูความคืบหน้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ซึ่งยังคงสูงกว่าเป้าหมายอยู่ที่ 2%

อย่างไรก็ตาม รายงานการจ้างงานล่าสุดยังแสดงให้เห็นอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นเป็น 4.1% และจำนวนคนที่ทำงานพาร์ทไทม์ เพราะไม่สามารถเข้าสู่ระบบงานประจำได้ ขณะนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ส่งผลให้การหลักเกณฑ์การวัดอัตราว่างงานกว้างที่เรียกว่า U-6 เพิ่มขึ้นเป็น 8% ถือเป็นระดับสูงสุด ของหลักเกณฑ์การวัดการว่างาน ต่ำกว่ามาตรฐานนี้ นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564

รายงานยังระบุด้วยว่า การที่รัฐบาลเลิกจ้างพนักงานเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่า ผลกระทบเต็มรูปแบบจากแนวคิดของ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีทางเทคโนโลยี และเป็นหัวหน้า Department  of Goverment Efficiency (DOGE) ที่ต้องการการลดจำนวนพนักงาน จะยังไม่ปรากฏให้เห็นจนกว่าจะถึงเดือนมีนาคม หรือเมษายนก็ตาม

“รายงานการสร้างงานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แสดงให้เห็นสภาพการที่อ่อนตัวลงบ้าง แม้กระทั่งก่อนที่ผลกระทบจากปรับลดการจ้างงานของรัฐบาลกลาง และผู้รับเหมาจะมีมีผลบังคับใช้” จูเลีย โคโรนาโด ประธาน MacroPolicy Perspectives

จูเลีย ยังคาดว่า อัตราการย้ายถิ่นฐานจะลดลง ตำแหน่งงานในรัฐบาลกลางก็ลดลงด้วย และผลกระทบที่ชะงักงันจากความไม่แน่นอน จากการจัดการผิดนัดชำระเงินตามนโยบายของ DOGE นโยบายภาษีศุลกากรของรัฐบาลทรัมป์ จะทำให้การจ้างงานช้าลงมากในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ดังนั้นเฟดน่าจะเผชิญภัยคุกคามจากทั้งสองฝ่ายที่มีอำนาจหน้าที่บริหาร

กลุ่มผู้ค้าสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น เมื่อทราบรายงานดังกล่าวได้เปลี่ยนท่าทีเดิมพันว่า เฟด จะเริ่มต้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเดือนมิถุนายน จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เมื่อพฤษภาคมก่อนมีรายงานนี้ออกมา ทั้งยังมองว่า จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยทั้งหมดจำนวนสามครั้ง ในปี 2568

ด้านผู้กำหนดนโยบายของเฟด ระบุว่าเมื่อเดือนธันวาคมรู้สึกว่าน่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปีนี้ จะทำให้การปรับปรุงการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายครั้งต่อไป

นโยบายศุลกากรที่สร้างความไม่แน่นอนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับนักลงทุน และทำให้ธุรกิจบางแห่งต้องระงับการลงทุน โดยผู้กำหนดนโยบายของเฟดหลายคนกล่าวว่า ต้องการความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับภาษีศุลกากร และนโยบายอื่นๆ ก่อนที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ได้เป็นผู้ให้ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และนโยบายการเงินล่าสุด

นายพาวเวล กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 มี.ค.) ว่า ธนาคารกลางสามารถที่จะรอนโยบายเชิงรุกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะออกมาเป็นอย่างไร ก่อนที่จะดำเนินการปรับอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป

อ้างอิง : Reuters