ราคาน้ำมันโลกหลุด 67 ดอลลาร์ ปัจจัยลบเพียบ-จีนเงินฝืดแตะ 0%

ราคาน้ำมันโลกหลุด 67 ดอลลาร์ รับปัจจัยลบเพียบ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอล่าสุดของ 'จีน' ทำให้ความต้องการน้ำมันมีแนวโน้มลดลง ขณะโอเปกพลัสเตรียมเพิ่มการผลิต
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนพ.ค. ที่ตลาดสิงคโปร์วันนี้ (10 มี.ค.) ลดลง 0.4% อยู่ที่ 66.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ลดลง 0.4% เหลือ 70.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2021 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาน้ำมันปรับลดลงต่อเนื่องในวันนี้รับข่าวร้ายที่อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคของจีนลดลงมากกว่าที่คาดไว้และอยู่ "ต่ำกว่าศูนย์" เป็นครั้งแรกในรอบ 13 เดือน ตอกย้ำแรงกดดันด้านเงินฝืดที่ต่อเนื่องในจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดในโลก
ส่วนในสหรัฐ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับฟ็อกซ์นิวส์ว่าเศรษฐกิจกำลังเผชิญกับ "ช่วงเปลี่ยนผ่าน" หลังจากการดำเนินการด้านภาษีศุลกากร พร้อมหลีกเลี่ยงการพูดถึงความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เจอโรม พาวเวลล์ ยอมรับถึงความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น แต่กล่าวว่าเฟดไม่จำเป็นต้องรีบลดอัตราดอกเบี้ย
ราคาน้ำมันดิบได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายประการ เช่น สงครามการค้าโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้น แผนการของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่และพันธมิตร (โอเปกพลัส) ในการเพิ่มการผลิต และการเจรจายุติสงครามในยูเครนที่ดำเนินมานาน 3 ปี
“เอเชียเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยความระมัดระวัง โดยราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวตามแนวโน้มขาลง" คริส เวสตัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยของเพพเพอร์สโตน กรุ๊ป กล่าวและเสริมว่า “ความเป็นไปได้ที่เบรนท์จะลดลงต่ำกว่า 68.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดระหว่างการซื้อขายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังคงเป็นโฟกัสสำคัญ เนื่องจาก “มีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันจะลดลงอีก และเราจะได้เห็นการเทขายทางเทคนิคและการฟอร์ซเซลล์”
แนวโน้มราคาขาลงยังถูกสะท้อนผ่านซาอุดีอาระเบีย ที่ ลดราคาน้ำมันดิบในเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่โอเปกพลัส สามารถตกลงกันได้ที่จะเพิ่มอุปทานตั้งแต่เดือนเมษายน หลังจากเกิดความล่าช้ามาหลายครั้ง