สัปดาห์กาแฟไทย-ลาติน กรุ่นกลิ่นมิตรภาพหอมเข้ม

กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับคณะเอกอัครราชทูตกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา ร่วมกันจัดงาน Thai-Latin Coffee+ Plus Weeks เฉลิมฉลองวัฒนธรรมกาแฟอันรุ่มรวยและหลากหลายของลาตินอเมริกาและไทย เพียงแค่ก้าวเข้าไปในรัศมีห้องวิเทศสัมพันธ์สถานที่จัดงาน กลิ่นกาแฟหอมอบอวลเหมือนความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดต่อเนื่องแม้ห่างด้วยระยะทาง 

 ศิริลักษณ์ นิยม รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ลาตินอเมริกาเป็นผู้นำด้านการผลิตและส่งออกกาแฟมาช้านาน คิดเป็น 35% ของการส่งออกกาแฟโลกและเกือบ 18% ของรายได้ในตลาดกาแฟโลกในปี 2023 กว่า 1.52 หมื่นล้านดอลลาร์ ตัวเลขเหล่านี้เน้นย้ำบทบาทสำคัญของภูมิภาคต่อการค้ากาแฟระหว่างประเทศ 

ขณะเดียวกันภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังก้าวขึ้นมาเป็นตลาดกาแฟโตเร็วที่สุดด้วยมูลค่าตลาดที่คาดว่าจะสูงถึง 1.7 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ความโดดเด่นนี้ยิ่งตอกย้ำศักยภาพสำหรับผู้ผลิตกาแฟในภูมิภาคของเรา และประเทศไทยมุ่งมั่นคว้าโอกาสนี้ เพื่อยกระดับสถานะของไทยในภูมิทัศน์กาแฟโลก 

ในระดับชาติ ตลาดกาแฟในประเทศของไทยกำลังเติบโตดี มูลค่าอยู่ที่ราว 2.9 พันล้านดอลลาร์ ผู้บริโภคชาวไทยดื่มกาแฟเฉลี่ยวันละ 1.5 แก้ว วัฒนธรรมกาแฟในไทยกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยความต้องการภายในประเทศและการส่งออกเพิ่มขึ้น 

“ตลอดห้าปีที่ผ่านมามูลค่าการส่งออกกาแฟของไทยเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ยปีละ 17.9% เป็นบทพิสูจน์ว่ากาแฟไทยได้รับการยอมรับมากขึ้นทั่วโลก รวมถึงความทุ่มเทของเกษตรกร ผู้ผลิต และโรงคั่ว” รองปลัดฯ กล่าวทิ้งท้าย ก่อนเปิดเวทีให้ เอกอัครราชทูตเปรู, กัวเตมาลา, ชิลี, ปานามา และอุปทูตรักษาการจากบราซิล เม็กซิโก โคลอมเบีย และอาร์เจนตินา ขึ้นเวทีนำเสนอกาแฟจากประเทศของตนเอง

เริ่มต้นที่กาแฟเปรู โดย เซซิเลีย ซูนิลดา กาลาร์เรตา บาซัน (Cecilia Zunilda Galarreta Bazán) เอกอัครราชทูตเปรูประจำประเทศไทย เล่านอกรอบกับกรุงเทพธุรกิจว่า ในเปรูมีการปลูกกาแฟใน 16 ภูมิภาค หรือปลูกกันเกือบทั้งประเทศ ความพิเศษอยู่ตรงที่กาแฟเปรูปลูกในพื้นที่สูงมาก ด้วยดินและสภาพภูมิอากาศทำให้รสชาติและกลิ่นโดดเด่นแตกต่างจากที่อื่นทั้งการปลูกและผลิตยังคำนึงถึงความยั่งยืน สมาคมผู้ผลิตกาแฟเปรูราว 180 แห่งได้รับการยอมรับเรื่องการค้าเป็นธรรม

กาแฟเปรูส่งออกไป 58 ประเทศ เช่น สหรัฐ สวีเดน เยอรมนี แคนาดา เป็นตลาดที่ต้องการสินค้าคุณภาพสูง แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของกาแฟเปรู

ในประเทศไทยก็มีธุรกิจกาแฟเปรูเป็นหุ้นส่วนกับผู้ประกอบการชาวไทย นำกาแฟสเปเชียลตีมาจาก Cruz del Norte ทางตอนเหนือของประเทศซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ตอนนี้กำลังขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ รวมไปถึงเกาหลีใต้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ส่งออกไปยังฟิลิปปินส์ในเร็วๆ นี้

หากให้นิยามกาแฟเปรูด้วยคำๆ เดียว ทูตเซซิเลียกล่าวว่า เป็นกาแฟที่รสชาติเข้มข้น

“เป็นการผสมผสานกันอย่างน่าทึ่ง เหมือนช็อกโกแลต น้ำผึ้ง ความหอม ขึ้นอยู่กับว่ามาจากไหน แต่ที่แน่ๆ คือคุณภาพ”

 ชีร์เลย์ เดนนิเซ อากิลาร์ บาร์เรรา เอกอัครราชทูตกัวเตมาลาประจำประเทศไทย กล่าวว่า ยินดีมากที่ได้มาร่วมงานวันนี้เพื่อประชาสัมพันธ์กาแฟจากกัวเตมาลาให้คนไทยได้รู้จัก กาแฟที่นำมาโชว์มาจากสี่ภูมิภาคที่ขึ้นชื่อของกัวเตมาลา ได้แก่ แอนติกัว(Antigua) รสชาติหอมหวานกรุ่นกลิ่นช็อกโกแลต, โคบัน (Cobán) สดชื่นมีชีวิตชีวา สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของที่ราบสูง,ฮัวฮัวเตนังโก (Huehuetenango) ได้รับการยกย่องจากนานาชาติถึงรสชาติกลมกล่อมคล้ายไวน์ และวิซซายา ที่ผสมผสานกันอย่างประณีตระหว่างคาราเมล น้ำผึ้ง และกลิ่นผลไม้สดชื่น

“สิ่งที่พิเศษมากๆ คือเรากำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับสมาคมกาแฟไทยสร้างคอนเนคชันระหว่างบริษัทไทยกับบริษัทกัวเตมาลา เพื่อทำสเปเชียลเบลนด์ระหว่างกาแฟไทยกับกัวเตมาลา ดิฉันคิดว่าน่าจะไปได้ดีมากๆ เพราะเป็นการสร้างโอกาสใหม่ให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ลิ้มรสกาแฟคุณภาพเยี่ยม”

ทูตกัวเตมาลากล่าวพร้อมยอมรับว่าความท้าทายใหญ่สุดในตลาดไทยคือคนไทยยังไม่รู้จักกัวเตมาลาและกาแฟสเปเชียลตีจากประเทศของเธอมากนัก รวมทั้งภาษีค่อนข้างสูง แต่โอกาสความร่วมมืออันดีคือกัวเตมาลาผลิตกาแฟอาราบิกา ไทยผลิตโรบัสตา เมื่อผสมผสานเข้าด้วยกันจะได้รสชาติที่เข้มข้น จึงเป็นโอกาสสำหรับโรงคั่วและผู้ค้าในไทยในการสรรค์สร้างกาแฟรสชาติใหม่ๆ สู่ผู้บริโภค

ฟังข้อมูลจากเอกอัครราชทูตสองประเทศจากหลายประเทศในลาตินอเมริกาที่ปลูกกาแฟ ผู้บริโภคฟังแล้วย่อมหวั่นไหวอยากลิ้มลอง แล้วอย่างนี้บราซิลผู้เป็นเจ้าตลาดจะกังวลเรื่องการแข่งขันหรือไม่ 

“ไม่เลยครับ ไม่กังวลเลย บราซิลเป็นผู้นำด้านการผลิตและส่งออกกาแฟมาราว 150 ปีแล้ว จริงๆ แล้วเราดีใจด้วยซ้ำไปที่ได้เห็นผู้ผลิตและส่งออกรายใหม่ๆ เข้ามามีส่วนร่วม” มาเธียส เอ.เอส. วิลเฮนา (Mathias A.S. Vilhena) อุปทูตรักษาการสถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลประจำประเทศไทยตอบคำถามอย่างยิ้มแย้ม

ส่วนราคากาแฟที่พุ่งขึ้นมากในปีนี้ อุปทูตบราซิลกล่าวว่า หลักๆ แล้วเป็นผลจากความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นในจีนและหลายประเทศที่เคยดื่มชาเป็นตัวดันราคามากกว่าเป็นผลจากสภาพอากาศแปรปรวน กาแฟบราซิลขายดีจนเกือบหมดสต็อกเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ภาษีในประเทศไทยยังคงสูงอยู่มากถือเป็นงานที่ผู้เกี่ยวข้องต้องทำต่อไป เพื่อให้คนไทยเข้าถึงกาแฟบราซิลได้ง่ายขึ้น

• ลาตินอเมริกาไม่ได้มีดีแค่กาแฟ

ในบรรดาสถานทูตลาตินอเมริกา 8 ประเทศที่มาร่วมงาน Thai-Latin Coffee+ Plus Weeks อันประกอบด้วยเปรู กัวเตมาลา ชิลี ปานามา บราซิล เม็กซิโก โคลอมเบีย และอาร์เจนตินา ใช่ว่าทุกประเทศจะปลูกกาแฟได้ เช่น ชิลี เอกอัครราชทูตปาตริซิโอ พาวเวลล์ เผยว่า ด้วยสภาพภูมิประเทศชิลีไม่ปลูกกาแฟ สินค้าส่งออกหลักของประเทศคือแร่ธาตุและสินค้าเกษตรอื่นๆ แต่งานนี้ชิลีได้นำเบเกอรีมาร่วมงานเพื่อรับประทานคู่กับกาแฟจากเพื่อนบ้านร่วมภูมิภาค

เช่นเดียวกับอาร์เจนตินา ฆาเบียร์ เด ชิกโก้ อุปทูตรักษาการนำชาสมุนไพเยอร์บา มาเต (Yerba Mate) มาแนะนำ ชาชนิดนี้มีต้นกำเนิดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอาร์เจนตินา รวมทั้งในปารากวัยและบราซิล

อุปทูตขึ้นเวทีสาธิตการชงในแก้วพิเศษสีฟ้า สีประจำชาติ  เพนท์หมายเลข 10 ของลีโอเนล เมสซี นักเตะดังชาวอาร์เจนตินา แค่ใส่ใบชาลงในแก้ว ใส่น้ำร้อน 80 องศาเซลเซียสคนแล้วจิบด้วยหลอดที่ทำมาเฉพาะ จะดื่มร้อนหรือเย็นก็ได้ หรือผสมน้ำส้มลงไปยิ่งดีต่อสุขภาพ

“มันมีสารต้านอนุมูลอิสระ อุดมด้วยวิตามิน ทำให้จดจ่อเพราะมีคาเฟอีน และดีต่อการลดน้ำหนัก ชาวอาร์เจนตินาดื่มเยอร์บา มาเตกันมาก” อุปทูตกล่าว 

สำหรับคอกาแฟที่อยากสัมผัสประสบการณ์แท้ๆ จากลาตินอเมริกาและกาแฟไทยจากดอยช้าง, อมก๋อย และสวนยาหลวง สามารถร่วม Thai-Latin Coffee+ Plus Weeks ได้ที่ร้าน APCD 60+ Plus Bakery & Cafe  สาขากระทรวงการต่างประเทศ, บ้านราชวิถี,ทำเนียบรัฐบาล และ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 11 - 21 มี.ค.