‘อินโดนีเซีย’ ผ่านกฎหมาย 'ขยายบทบาทกองทัพ' แทรกซึมกิจการรัฐบาล

รัฐสภาอินโดนีเซียผ่านกฎหมายอนุญาตให้สมาชิกกองทัพดำรงตำแหน่งในรัฐบาลได้มากขึ้น หลายฝ่ายคัคดค้าน มองเป็นการแทรกซึมและครอบงำการทำงานของรัฐบาล
รัฐสภาอินโดนีเซียผ่านกฎหมายอนุญาตให้สมาชิกกองทัพดำรงตำแหน่งในรัฐบาลได้มากขึ้น แม้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า กฎหมายดังกล่าวจะ ขยายบทบาทกองทัพในกิจการพลเรือน
การแก้ไขกฎหมายกองทัพที่ผลักดันโดยรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ในวันพฤหัสบดี (20 มี.ค.) มีจุดมุ่งหมายเพื่อขยายขอบเขตอำนาจหน้าที่ของกองทัพในประเทศที่ได้รับอิทธิพลมาจากกองทัพที่มีอำนาจมายาวนาน
ทั้งนี้ บรรดากลุ่มสังคมพลเรือนได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การแก้ไขกฎหมายดังกล่าว โดยบอกว่าอาจเปลี่ยนอินโดนีเซียกลับสู่ยุคเผด็จการของอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โต ที่เจ้าหน้าที่ทหารครอบงำกิจการพลเรือน
ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนวิจารณ์ความเคลื่อนไหวที่ต้องการเพิ่มการมีส่วนร่วมในกิจการสาธารณะ เพราะกังวลว่าอาจนำไปสู่การใช้อำนาจในทางมิชอบ การละเมิดสิทธิมนุษยชน และการละเว้นลงโทษทางการเมืองกับเจ้าหน้าที่ทหาร
กลุ่มประท้วงจากกลุ่มประชาธิปไตยหลายกลุ่ม กล่าวด้วยว่า พวกเขาจะจัดชุมนุมประท้วงในจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย
เมื่อเย็นวันพุธ (19 มี.ค.) นักเรียนนักศึกษาจำนวนหนึ่งออกมาตั้งแคมป์ชุมนุมที่ประตูหลังของอาคารรัฐสภาเพื่อประท้วงต่อต้านกฎหมายดังกล่าว หลังจากนั้นก็ถูกไล่ออกจากพื้นที่
ปธน.ซูเบียนโต ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือน ต.ค. ปีก่อน และเป็นผู้บัญชาการทหารพิเศษภายใต้อดีตปธน.ซูฮาร์โต ได้ขยายบทบาทของกองทัพในกิจการของเจ้าหน้าที่พลเรือน รวมถึงโครงการเรือธงอาหารฟรีสำหรับเด็กๆ
ซจาฟรี สจามโซเอ็ดดิน รัฐมนตรีกลาโหมกล่าวว่า การแก้ไขกฎหมายดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็น เพราะการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์และเทคโนโลยีการทหารระดับโลกต้องมีการเปลี่ยนแปลงด้านกลาโหม เพื่อเผชิญกับความขัดแย้งทั้งแบบปกติและไม่ปกติ
ภายใต้กฎหมายทหารแบบเก่าระบุว่า เจ้าหน้าที่สามารถทำงานในหน่วยงานรัฐบาลได้สูงสุด 10 หน่วยงาน แต่การแก้ไขกฎหมายใหม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ทหารทำงานในหน่วยงานรัฐบาลได้มากสุด 14 หน่วยงาน
นอกจากนี้ขยายขอบเขตอำนาจในการดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่พลเรือนด้วย รวมถึงตำแหน่งในสำนักงานอัยการสูงสุดสำนักงานเลขาธิการรัฐ และหน่วยงานต่อต้านการก่อการร้าย และกฎหมายใหม่ยังขยายอายุเกษียณของเจ้าหน้าที่อีกด้วย
อันเดรียส ฮาร์โซโน นักวิจัยอาวุโสของอินโดนีเซียจาก Human Rights Watch แถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดีปราโบโวดูเหมือนจะตั้งใจฟื้นฟูบทบาทของกองทัพอินโดนีเซียในกิจการพลเรือน ซึ่งมีลักษณะเด่นคือการละเมิดและการละเว้นโทษเป็นวงกว้าง
“การรีบเร่งของรัฐบาลในการนำการแก้ไขกฎหมายเหล่านี้ถือเป็นการบั่นทอนความมุ่งมั่นที่มีต่อสิทธิมนุษยชนและความรับผิดชอบ” ฮาร์โซโน กล่าว
อ้างอิง: Al Jazeera