‘ทรัมป์’ กำลังสร้าง ‘เครื่องบินรบ F-47’ พันธมิตรซื้อได้ แต่ขายรุ่นโหดน้อยกว่า

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐเผย รัฐบาลมีแผนสร้างเครื่องบินรบรุ่นใหม่ "F-47" ซึ่งพันธมิตรสามารถซื้อได้ โดยจะเป็นรุ่นที่มีศักยภาพน้อยกว่า
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เผยเมื่อวันศุกร์ (21 มี.ค.) ว่า รัฐบาลมีแผนสร้างเครื่องบินรบ รุ่นใหม่ ชื่อว่า F-47 ซึ่งพันธมิตรสามารถซื้อได้โดยจะเป็นรุ่นที่มีศักยภาพน้อยกว่า
ทรัมป์ กล่าวกับนักข่าวในห้องทำงานรูปไข่ โดยมีพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและบรรดาผู้บัญชาการกองทัพอากาศ ยืนรอบข้าง
“ผมยินดีที่จะประกาศว่า ตามคำสั่งของผม กองทัพอากาศสหรัฐกำลังเดินหน้าสร้างเครื่องบินรบรุ่นที่ 6 ครั้งแรกของโลก”
ทรัมป์กล่าวว่า 47 เป็นเลขที่สวย และมีความเชื่อมโยงกับทรัมป์ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐ
ประธานาธิบดีสหรัฐ บอกว่า ความเร็ว ความคล่องตัว การหลบซ่อน และพลังทำลายล้างของเครื่องบินรบรุ่นใหม่ จะพัฒนาในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และรุ่นทดลองได้ทดลองบินมาแล้วอย่างลับๆ เป็นเวลาเกือบ 5 ปี
ทรัมป์กล่าวว่า เครื่องบินรบ F-47 จะสร้างขึ้นในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งวาระที่ 2 และจะพร้อมใช้งานอย่างเป็นทางการ ม.ค. 2572
“พันธมิตรของเราติดต่อมาอย่างต่อเนื่อง พวกเขาอยากซื้อเหมือนกัน” ทรัมป์กล่าวถึงเครื่องบินรบรุ่นใหม่ที่ใครๆ ก็อยากได้ และบอกว่า จะเปิดจำหน่ายเครื่องบินรุ่นใหม่ในเวอร์ชันที่ศักภาพน้อยกว่าของสหรัฐให้กับพันธมิตรบางส่วน
ปธน.ทรัมป์ กล่าวด้วยว่า เครื่องบินรุ่นใหม่จะมีศักยภาพต่ำกว่าของสหรัฐราว 10% “ซึ่งก็สมเหตุสมผล เพราะวันหนึ่งพวกเขาอาจไม่ได้เป็นพันธมิตรกับเราแล้วก็ได้” ทรัมป์ย้ำ
ด้านเฮกเซธเผย “เรามี F-15 เรามี F-16, F-17, F-22, F-35 ตอนนี้เรามี F-47 ซึ่งส่งสัญญาณชัดเจนไปยังพันธมิตรของเราว่า เราจะไม่ไปไหน และถึงศัตรูของเราว่า เราสามารถ เราจะขยายอิทธิพลไปทั่วโลกโดยไม่มีอะไรกั้นเพื่อคนรุ่นต่อๆ ไป”
ส่วนบริษัทที่จะผลิตเครื่องบินรุ่นนี้คือโบอิง (ฺBoeing) ที่เอาชนะบริษัทล็อกฮีด มาร์ติน และได้ทำสัญญากับกระทรวงกลาโหม หลังจากประมูลกันอย่างดุเดือด
โครงการริเริ่มเครื่องบินรบ F-47 เรียกว่า Next-Generation Air Dominance และจะเป็นรุ่นที่พัฒนาต่อจาก เครื่องบินรบล็อกฮีด มาร์ติน F-22 Raptor ซึ่งเป็นเครื่องบินรบรุ่นปัจจุบันของกองทัพอากาศสหรัฐ โดย F-22 นำมาใช้ตั้งแต่ปี 2548
ทั้งนี้ F-47 จะเป็นเครื่องบินบรรทุกลูกเรือพร้อมยานพาหนะไร้คนขับหลายประเภท และออกแบบมาเพื่อปฏิบัติการในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะในขณะที่ระบบป้องกันภัยทางอากาศระยะไกล และระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ของจีนมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
ตามข้อมูลของ Congressional Research Service (CRS) ระบุว่า F-22 มีข้อจำกัดด้วยพิสัยการบิน 460 ไมล์ทะเล (852 กิโลเมตร) และมีขีดความสามารถบรรทุกได้ 2,000 ปอนด์ (907 กิโลกรัม)
และเพื่อให้มีพิสัยที่ไกลขึ้น CRS เผยว่า F-22 ต้องอาศัยเครื่องบินเติมน้ำมัน KC-46 และ KC-135 ซึ่งอาจอ่อนไหวต่อการถูกโจมตีได้ และกองทัพอากาศใช้เวลานับสิบปีในการศึกษาเครื่องบินทดแทน F-12 ที่จะสามารถรับมือภัยคุกคามดังกล่าวได้
ทั้งนี้ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ใช้ F-35 มีเพียงกองทัพอากาศสหรัฐที่ใช้ F-22
อ้างอิง: Nikkei Asia