เปิดประวัติ ‘จาง อี้หมิง’ ผู้ก่อตั้งบริษัทแม่ TikTok สู่มหาเศรษฐีเบอร์ 1 จีน

เปิดประวัติ ‘จาง อี้หมิง’
ผู้ก่อตั้ง ByteDance บริษัทแม่ TikTok สู่มหาเศรษฐีเบอร์ 1 จีน มั่งคั่ง 57,500 ล้านดอลลาร์ รั้งอันดับ 3 อาเซียน
บลูมเบิร์กรายงานว่า “จาง อี้หมิง” ผู้ก่อตั้งบริษัท ByteDance เจ้าของแอปพลิเคชัน TikTok ได้กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีนเป็นครั้งแรก โดยจางมีมูลค่าความมั่งคั่ง 57,500 ล้านดอลลาร์ แซงหน้า “จง ซานซาน” เจ้าของธุรกิจน้ำดื่ม และ “หม่า ฮวาเถิง” ผู้ร่วมก่อตั้ง Tencent Holdings จากการจัดอันดับของ Bloomberg Billionaires Index ล่าสุดวานนี้
ความมั่งคั่งของจางเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่ Bloomberg ได้วิเคราะห์มูลค่าบริษัทจากข้อมูลของนักลงทุนรายใหญ่อย่าง BlackRock, Fidelity และ T. Rowe Price รวมถึงแผนการที่บริษัทจะซื้อหุ้นคืนจากพนักงาน โดยประเมินมูลค่าบริษัทไว้ที่ 3.12 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเมื่อนำมูลค่าของทั้ง 4 แหล่งมาเฉลี่ยกันแล้ว จะอยู่ที่ประมาณ 3.65 แสนล้านดอลลาร์
ปัจจุบัน จาง อี้หมิง รั้งตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 3 ของเอเชีย รองจากมูเกช อัมบานีและเกาตัม อดานี จากอินเดีย
เปิดประวัติ ‘จาง อี้หมิง’ บนเส้นทาง TikTok
จางแตกต่างจากมหาเศรษฐี 'ผลิตในจีน' รุ่นก่อนๆ ตรงที่ธุรกิจของเขามีความสร้างสรรค์และมุ่งเน้นไปที่ตลาดโลกมากกว่า
จาง อี้หมิง วัย 41 ปี เป็นชาวจีนแต่พำนักอยู่ในสิงคโปร์ สร้างความมั่งคั่งให้กับตนเองจากการถือหุ้น 21% ใน ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแอปพลิเคชัน TikTok ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก
จางเริ่มต้นอาชีพของเขาในฐานะวิศวกรที่เว็บไซต์ค้นหาข้อมูลการท่องเที่ยว Kuxun.com ในปี 2009 จากนั้นได้เริ่มต้นธุรกิจแรกของตัวเอง ซึ่งเป็นเว็บไซต์ค้นหาอสังหาริมทรัพย์ชื่อ 99fang.com แล้วลาออก
ต่อมาในปี 2012 เขาก่อตั้ง ByteDance ในปักกิ่ง เปิดตัวแอปข่าว Toutiao ที่มีผู้ใช้ต่อวันกว่า 13 ล้านคนใน 2 ปี โดยตั้งใจสร้างแพลตฟอร์ม AI ที่ต่างจาก Baidu
ในปี 2016 ByteDance เปิดตัว TikTok (Douyin ในจีน) ซึ่งได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในกลุ่ม Gen Z และทั่วโลก ByteDance ซื้อ Musical.ly ในปี 2018 ด้วยมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์ และรวมเข้ากับ TikTok จากความสำเร็จของแอปต่างๆ ByteDance เติบโตเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีแพลตฟอร์มหลากหลาย ตั้งแต่วิดีโอตลกจนถึงข่าวบันเทิง
ในปี 2021 จางลาออกจากตำแหน่ง CEO และประธานบริษัท ตามรอยมหาเศรษฐีคนอื่นๆ เช่น แจ็ค หม่า และ โคลิน หวง ที่ลาออกจากบริษัทของตนเองเช่นกัน