แผ่นดินไหวเมียนมา สะเทือนมั่นคงพลังงาน ‘จีน’ ท่อส่งน้ำมัน-ก๊าซอยู่ในจุดเสี่ยง

เหตุการณ์ “แผ่นดินไหว” รุนแรง  8.2  ที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มี.ค. กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะ “ท่อส่งน้ำมันและก๊าซ” ซึ่งเป็นโครงการสำคัญทางเศรษฐกิจของจีน เนื่องจากแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้สามารถรับรู้ได้ถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย เวียดนาม และมณฑลยูนนานประเทศ “จีน” 

แผ่นดินไหวเมียนมา ส่งแรงสั่นสะเทือนอย่างชัดเจนไปยังมณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยสำนักข่าวซินหัวฃรายงานว่า ณ ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวในประเทศจีน

 

สำนักข่าวเซาท์ไชน่ามอนิ่งโพสต์รายงานว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหว ครั้งนี้ได้จุดประกายความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนานของจีนอย่าง ท่อส่งน้ำมันและท่อส่งก๊าซ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Belt and Road Initiative

‘เมียนมา’ เส้นทางบกยุทธศาสตร์ของจีน

เมียนมามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ BRI เนื่องจากเป็นจุดเชื่อมต่อทางภูมิศาสตร์ที่สำคัญระหว่างจีนกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ ทำให้ท่อส่งก๊าซมีความสำคัญต่อการขนส่งพลังงานจากภูมิภาคไปยังประเทศจีน ดังนั้น หากเกิดความเสียหาย อาจส่งผลกระทบต่ออุปทานพลังงานและเศรษฐกิจของจีนได้

นอกจากนี้ BRI กลายเป็น “เส้นทางบกยุทธศาสตร์” สำหรับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากตะวันออกกลางมายังจีน ซึ่งช่วยลดการพึ่งพาเส้นทางทางทะเลที่สหรัฐครองตลาด และยังช่วยลดระยะเวลาในการขนส่งอีกด้วย

ท่อส่งน้ำมันและก๊าซคู่ขนานที่พาดผ่านเมียนมานั้น เชื่อมต่อท่าเรือสำคัญอย่างจ็อกผิ่วและซิตตเวในอ่าวเบงกอลกับเมืองคุนหมิงในประเทศจีน โดยมีเป้าหมายเพื่อหลีกเลี่ยงช่องแคบมะละกาที่คับคั่งและมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

 ท่อส่งเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญของ BRI ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานจีน และเพิ่มความหลากหลายของเส้นทางการขนส่งน้ำมันและก๊าซ

ฟาน เสี่ยว นักธรณีวิทยาจากมณฑลเสฉวน ซึ่งมีพื้นที่ติดกับมณฑลยูนนานของจีน แสดงความเห็นว่า แม้ผลกระทบจากแผ่นดินไหวในเมียนมาต่อจีนจะไม่รุนแรงนัก แต่ยังต้องให้ความสนใจและเฝ้าระวังกิจกรรมแผ่นดินไหวในพื้นที่ตะวันตกเฉียงใต้ของจีนอย่างต่อเนื่อง

"ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับท่อส่งน้ำมันระหว่างจีนและเมียนมานั้น จำเป็นต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียดจากรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นเพื่อประเมินผลกระทบที่แท้จริง"