ทรัมป์โกรธปูติน ขู่เก็บภาษีนำเข้าประเทศที่ซื้อน้ำมันรัสเซีย

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผยเขารู้สึก “โกรธ” ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และจะพิจารณาใช้มาตรการภาษีศุลกากรเพิ่มเติมกับน้ำมันของรัสเซีย หากไม่หยุดยิง
บลูมเบิร์ก รายงานวันนี้(31 มี.ค.) โดยอ้างรายงานของเอ็นบีซีนิวส์ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รู้สึก “โกรธ” ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และจะพิจารณาใช้มาตรการภาษีศุลกากรเพิ่มเติมกับน้ำมันรัสเซีย หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับยูเครนได้
ทรัมป์กล่าวว่าเขารู้สึก “โกรธมาก” เกี่ยวกับความคิดเห็นล่าสุดของปูตินที่เสนอแนะแนวทางในการแต่งตั้งผู้นำคนใหม่ในยูเครน และไม่ให้ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับทรัมป์กับเอ็นบีซีเมื่อวันอาทิตย์ และได้กล่าวว่า ผู้นำคนใหม่ในยูเครนหมายความว่า “คุณจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้เป็นเวลานาน ใช่ไหม”
“ผมรู้สึกโกรธมาก แต่ถ้าไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ และถ้าผมคิดว่าเป็นความผิดของรัสเซีย ผมก็จะคว่ำบาตรรัสเซียเป็นขั้นที่สอง” ทรัมป์กล่าวกับเอ็นบีซี โดยกล่าวว่าเขาหมายถึง “น้ำมันทั้งหมดที่ออกมาจากรัสเซีย” ทรัมป์เปิดเผยว่า เขาวางแผนที่จะพูดคุยกับปูตินในสัปดาห์นี้
รัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สามรายของโลก ซึ่งหมายความว่าความพยายามใดๆ ที่จะลงโทษประเทศที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซียอาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่อตลาดน้ำมัน และการหยุดชะงักใดๆ อาจเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
จีน อินเดีย อาจจะได้รับผลกระทบ
อินเดียและจีน ซึ่งกลายเป็นผู้ซื้อรายสำคัญของบาร์เรลรัสเซียตั้งแต่มอสโกบุกยูเครนเต็มรูปแบบ จะต้องเผชิญกับแรงกดดันเป็นพิเศษ
ทรัมป์กล่าวว่าหากเขาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการยุติการนองเลือดในยูเครนได้ และหากเขาคิดว่าเป็นความผิดของรัสเซีย ซึ่งอาจจะไม่ใช่ แต่หากเขาคิดว่าเป็นความผิดของรัสเซีย ก็จะขึ้นภาษีน้ำมันเพิ่ม
“นั่นหมายความว่าถ้าคุณซื้อน้ำมันจากรัสเซีย คุณก็ไม่สามารถทำธุรกิจในสหรัฐฯ ได้” ทรัมป์กล่าวว่า จะมีการจัดเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันทั้งหมด 25%
ทรัมป์กล่าวว่า “จะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ในอัตรา 25% ซึ่งเป็นภาษีนำเข้าขั้นที่สอง” พร้อมระบุว่าภาษีนำเข้าต่อรัสเซียจะเกิดขึ้นภายในหนึ่งเดือน หากไม่มีข้อตกลงหยุดยิง ทรัมป์กล่าวว่าปูตินรู้ว่าเขากำลังโกรธ แต่เขาก็บอกว่าเขามี “ความสัมพันธ์ที่ดีมากกับปูติน” และ “ความโกรธจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว ... หากปูตินทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯ ระบุว่ายูเครนและรัสเซียได้ตกลงที่จะสงบศึกในทะเลดำ ซึ่งเป็นขั้นตอนต่อไปในความพยายามของทรัมป์ที่จะยุติสงคราม หลังจากที่ทั้งสองประเทศยอมรับที่จะหยุดการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานเป็นเวลา 30 วัน
แม้ว่ายูเครนจะระบุว่าจะปฏิบัติตามการหยุดยิงทันที แต่เครมลินเรียกร้องให้ยกเลิกการคว่ำบาตรธนาคารการเกษตรของรัสเซีย (RSHB) และสถาบันการเงินอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศด้านอาหารและปุ๋ย
การส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซียแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนในเดือนมีนาคม และมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อกองเรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซียก็เริ่มส่งสัญญาณว่าจะชะงักลง
จิโอวานนี สเตาโนโว นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จากธนาคาร UBS Group AG กล่าวว่า “คำขู่ของทรัมป์น่าจะทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นรุนแรงเมื่อพิจารณาจากระดับความเสี่ยง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการหยุดชะงักของอุปทาน มีเพียงการขู่เท่านั้น และในอดีต ต้องเกิดการหยุดชะงักอย่างแท้จริงจึงจะทำให้ราคาขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ดูเหมือนจะคิดค้นกลวิธีทางเศรษฐกิจแบบใหม่ด้วยการขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศที่ซื้อน้ำมันจากเวเนซุเอลาเพื่อปิดกั้นการค้าขายน้ำมันกับประเทศอื่นๆ
คำขู่ดังกล่าวได้รับการยืนยันในคำสั่งฝ่ายบริหารโดยทรัมป์ โดยระบุว่าประเทศต่างๆ อาจต้องเผชิญกับภาษีนำเข้า 25% จากการค้ากับสหรัฐฯ หากซื้อน้ำมันและก๊าซจากเวเนซุเอลา ซึ่งอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรอย่างหนักของสหรัฐฯ อยู่แล้ว การเคลื่อนไหวดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อกดดันเวเนซุเอลา โดยทรัมป์กล่าวหาเวเนซุเอลาว่าส่ง “อาชญากรระดับสูงและอื่นๆ หลายหมื่นคน” ไปยังสหรัฐ