ทรัมป์ขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ทุกประเทศสูงกว่าคาด ไทยโดน 36% จีน 54%

ทรัมป์ขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ทุกประเทศสูงกว่าคาด ไทยโดน 36% จีน 54%

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีกับคู่ค้าของสหรัฐทั่วโลก ซึ่งถือเป็นการโจมตีระบบเศรษฐกิจโลกครั้งใหญ่ที่สุด ทรัมป์โทษมานานว่าไม่ยุติธรรมกับสหรัฐ

บลูมเบิร์ก รายงานว่า เมื่อวันพุธ (2 เม.ย.68) ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ หรือเมื่อคืนตามเวลาไทย ประธานาธิบดีโดนัลด์  ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะจัดเก็บ ภาษีขั้นต่ำ 10% กับผู้ส่งออกสินค้าทั้งหมดไปยังสหรัฐ และจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมกับประเทศต่างๆ ราว 60 ประเทศ ที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐมากที่สุด  ซึ่งรวมถึงการจัดเก็บภาษีที่สูงขึ้นอย่างมากกับคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดบางรายของประเทศ เช่น จีน ซึ่งปัจจุบันต้องเผชิญภาษีโดยรวมสูงถึง 54% จากภาษีเดิม 20% บวกกับภาษีตอบโต้ใหม่อีก 34% ส่วนไทยจะถูกเก็บในอัตราสูงถึง 36 %

ทรัมป์ขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ทุกประเทศสูงกว่าคาด ไทยโดน 36% จีน 54%

“เป็นเวลาหลายปีที่พลเมืองสหรัฐ ที่ทำงานหนักต้องนั่งเฉยๆ อยู่ข้างสนามในขณะที่ประเทศอื่นๆ ร่ำรวย และมีอำนาจ แต่เราเสียหายส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้ถึงคราวของเราที่จะเจริญรุ่งเรืองแล้ว” ทรัมป์กล่าวในงานที่สวนกุหลาบทำเนียบขาว(White House Rose Garden)

ทรัมป์ขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ทุกประเทศสูงกว่าคาด ไทยโดน 36% จีน 54%

“อัตราภาษี ตอบโต้” ที่สูงขึ้นพุ่งเป้าหมายไปที่ประเทศต่างๆ ที่รัฐบาลทรัมป์ ระบุว่า เป็นผู้กระทำผิดมากที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับการคำนวณอัตราภาษี และอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีที่ประเทศเหล่านั้นใช้กีดกันกับสินค้าของสหรัฐ โดยรัฐบาล ภายใต้แผนของทรัมป์ประเทศต่างๆ ที่ต้องเผชิญกับอัตราภาษีที่สูงกว่า จะถูกเรียกเก็บภาษีเท่ากับครึ่งหนึ่งของอัตราที่คำนวณไว้

ทรัมป์ขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ทุกประเทศสูงกว่าคาด ไทยโดน 36% จีน 54%

ภาษีนำเข้าพื้นฐานจะมีผลบังคับใช้หลังเที่ยงคืนวันเสาร์ และภาษีที่สูงกว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเวลา 00.01 น.ของวันที่ 9 เมษายน ตามเวลาสหรัฐ ตามคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล  

ในขณะที่ แคนาดา และเม็กซิโกเผชิญภาษีนำเข้า 25% ที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด และการอพยพที่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว ภาษีเหล่านี้จะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป และคู่ค้ารายใหญ่สองรายของสหรัฐ จะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าใหม่ตราบใดที่ภาษีนำเข้าแต่ละรายยังมีผลบังคับใช้ การยกเว้นสินค้าที่ครอบคลุมโดยข้อตกลงการค้าอเมริกาเหนือ USMCA ที่ทรัมป์ผลักดันขึ้นในการดำรงตำแหน่งครั้งแรกจะยังคงอยู่

การประกาศของประธานาธิบดีทำให้ดัชนีหุ้นอ้างอิงปรับตัวลดลง 2% หรือมากกว่านั้น ก่อนหน้านี้หุ้นพุ่งสูงขึ้นเป็นเวลาหลายวันจากความหวังว่าแผนของเขาจะผ่อนปรนมากขึ้น 

ราคาหุ้นของผู้ผลิตรถยนต์ปรับตัวลดลงเกือบทุกตัว โดย Ford Motor Co, General Motors Co, Stellantis NV และ Tesla Inc ต่างก็ปรับตัวลดลงในช่วงเวลาการซื้อขายนอกเวลาทำการปกติของตลาดนิวยอร์ก 

ราคาน้ำมันซึ่งลดลงในช่วงแรกหลังจากมีการประกาศนั้น แต่กลับเปลี่ยนทิศทางขึ้นต่อมา สหรัฐ พึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงจากยุโรปเพื่อตอบสนองความต้องการในชายฝั่งตะวันออก ซึ่งโรงกลั่นเหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่ง สหรัฐ ยังส่งออกน้ำมันดิบไปยังประเทศต่างๆ ด้วย

ไทยและเอเชียเจ็บหนัก

ทรัมป์ขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ทุกประเทศสูงกว่าคาด ไทยโดน 36% จีน 54%

ข้อมูลจากทางการสหรัฐ 

แมรี เลิฟลี นักวิจัยอาวุโสแห่งสถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศปีเตอร์สัน(Peterson Institute for International Economics) กล่าวว่า ภาษีศุลกากรที่ทรัมป์ประกาศในวันพุธนั้น "แย่กว่าที่เราเคยกลัวมาก" เธอกล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนว่าภาษีศุลกากรจะถูกบังคับใช้ไปอย่างไร และ "มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อการเปลี่ยนเส้นทางการค้า" ทั่วโลก

 

อัตราภาษีศุลกากรสะสมจีน รวมถึงภาษีศุลกากร 20% ที่เกี่ยวข้องกับการค้าเฟนทานิล และภาษีศุลกากร 34% ซึ่งคำนวณจากภาษีตอบโต้ของทรัมป์ รวมเป็น 54% ประเทศไทยจะถูกเก็บภาษีสูงถึง 36%  สหภาพยุโรปจะถูกจัดเก็บภาษี 20% และเวียดนามจัดเก็บภาษี 46% เอกสารของทำเนียบขาวระบุ ประเทศอื่นๆ ที่ถูกจัดเก็บภาษีศุลกากรสูงกว่านี้ ได้แก่ ญี่ปุ่น 24% เกาหลีใต้ 25% อินเดีย 26% กัมพูชา 49% และไต้หวัน 32% ทรัมป์ได้ชูป้ายขนาดใหญ่ขึ้นระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์นาน 48 นาที โดยป้ายดังกล่าวระบุอัตราภาษีของแต่ละประเทศ

เวนดี้ คัตเลอร์ จากสถาบันนโยบายสังคมเอเชีย  (Asia Society Policy Institute) กล่าวว่า “โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในเอเชีย ดูเหมือนว่าพวกเขาอยู่ในแนวหน้าของการโจมตี” 

การเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการยกระดับสงครามการค้าของทรัมป์อย่างรุนแรง ซึ่งมีความเสี่ยงที่พันธมิตรทางการค้าของสหรัฐ จะตอบโต้ทันที 

การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปตามคำมั่นสัญญาของทรัมป์ที่ย้ำมานานหลายเดือน โดยทรัมป์ใช้มาตรการภาษีเป็นเครื่องมือในการยืนยันอำนาจของสหรัฐ สร้างสมดุลความสัมพันธ์ทางการค้า ฟื้นฟูภาคการผลิตของสหรัฐ และบีบให้ประเทศอื่นยอมอ่อนข้อทางภูมิรัฐศาสตร์ นอกจากนี้ยังถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญจากความพยายามยาวนานหลายทศวรรษหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในการลดอุปสรรคทางการค้าเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งทางทหาร

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์