'Fitch Ratings' หั่นอันดับความน่าเชื่อถือจีนเหลือ 'A' หลังหนี้ประเทศพุ่งสูง

'Fitch Ratings' หั่นอันดับความน่าเชื่อถือจีนเหลือ 'A' หลังหนี้ประเทศพุ่งสูง

"ฟิทช์ เรทติ้งส์" ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจีนเหลือ 'A' หลังหนี้สาธารณะพุ่งสูงสวนทางรายได้ของรัฐบาล คาดปี 2029 หนี้สาธารณะแตะ 80% ของจีดีพี

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหนี้ต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating: IDR) ของประเทศจีนจาก 'A+' เหลือ 'A' โดยให้มุมมองเป็น "มีเสถียรภาพ" (Stable Outlook)

การปรับลดอันดับครั้งนี้สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับการอ่อนแอลงของ "สถานะการคลัง" และ "แนวโน้มหนี้สาธารณะ" ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจของจีน ฟิทช์คาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนจะใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการคลังอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางอุปสงค์ภายในประเทศที่ชะลอตัว แรงกดดันจากภาวะเงินฝืด และการเพิ่มขึ้นของอัตราภาษีศุลกากร

"เราคาดว่าจะเกิดการขาดดุลงบประมาณที่สูงและต่อเนื่อง สถานการณ์นี้รวมกับการลดลงเชิงโครงสร้างของฐานรายได้ จะส่งผลให้หนี้สาธารณะต่อ GDP มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า" ฟิทช์ระบุในรายงาน

ฟิทช์คาดการณ์ว่า "การขาดดุลงบประมาณ" ของจีนจะเพิ่มขึ้นเป็น 8.4% ของ GDP ในปี 2568 จาก 6.5% ในปี 2567 ซึ่งสูงกว่าค่ามัธยฐานของกลุ่มประเทศจัดอันดับ 'A' ที่ 2.7% อย่างมีนัยสำคัญ

ในด้านอัตราส่วนหนี้ต่อ GDP ฟิทช์ประเมินว่า จะเพิ่มขึ้นเป็น 68.3% ในปี 2568 และ 74.2% ในปี 2569 จาก 60.9% ในปี 2567 และคาดว่าจะแตะระดับ 80% ภายในสิ้นปี 2572 ซึ่งสูงกว่าค่ามัธยฐานของกลุ่มประเทศจัดอันดับ 'A' ที่ประมาณ 57%

ทั้งนี้ ฟิทช์ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับ "หนี้ซ่อนเร้น" จากหน่วยงานการเงินของรัฐบาลท้องถิ่น (LGFVs) ซึ่งอาจก่อให้เกิดภาระหนี้สินแฝงในอนาคต

ส่วนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ฟิทช์คาดว่า GDP ของจีนจะขยายตัว 4.4% ในปี 2568 ลดลงจาก 5.0% ในปี 2567 เนื่องจากความท้าทายภายในประเทศจากภาคอสังหาริมทรัพย์และการบริโภคที่ยังคงมีอยู่ ท่ามกลางความเสี่ยงจากภายนอกที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม จุดแข็งของจีนซึ่งช่วยรักษาอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ 'A' รวมถึงขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่และมีความหลากหลาย แนวโน้มการเติบโตของ GDP ที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มเดียวกัน บทบาทสำคัญในการค้าโลก และสถานะการเงินต่างประเทศที่มั่นคง

อ้างอิง: รายงานฉบับวันที่ 3 เม.ย. ของฟิทช์