ผ่า 6 ผลลัพธ์ BIMSTEC ไทยเสนอวิสัยทัศน์ 2030

การประชุมผู้นำกรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation) ครั้งที่ 6 เสร็จสิ้นลงไปแล้ว ไทยส่งไม้ต่อให้บังกลาเทศพร้อมๆ กับวิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2030 กำหนดอนาคตว่าบิมสเทคจะเดินต่อไปอย่างไร
นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร แถลงหลังเสร็จสิ้นการประชุมผู้นำบิมสเทคครั้งที่ 6 เมื่อวันศุกร์ (4 เม.ย.) ว่า ยินดีที่ได้นำการประชุมผู้นำบิมสเทคกลับสู่ประเทศไทยอันเป็นที่จุดกำเนิดเมื่อปี 2540 อีกครั้งหนึ่ง การกลับมาครั้งนี้ภายใต้แนวคิดหลักคือบิมสเทคที่มั่งคั่ง ยั่งยืน ฟื้นคืน และเปิดกว้าง (PRO BIMSTEC) ท่ามกลางสถานการณ์ระหว่างประเทศและความท้าทายของภูมิภาค บิมสเทคจะเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือและดำเนินการร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเตรียมพร้อมการบรรเทาผลกระทบและการฟื้นฟูประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ผ่านกรอบความร่วมมือที่มีอยู่แล้วและการจัดตั้งกลไกที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น
- รับรองเอกสารผลลัพธ์ 6 ฉบับ
การประชุมผู้นำบิมสเทคครั้งที่ 6 ได้รับรองเอกสารผลลัพธ์รวมทั้งสิ้น 6 ฉบับ ได้แก่
1. วิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2030 ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญของการประชุมผู้นำครั้งนี้ ถือเป็นวิสัยทัศน์ฉบับแรกของบิมสเทค ที่จะนำไปสู่การเป็นบิมสเทคที่มั่งคั่ง ยั่งยืน ฟื้นคืน และเปิดกว้างภายในปี 2030
ความสำคัญของวิสัยทัศน์กรุงเทพฯ คือการบูรณาการทางเศรษฐกิจ ความเชื่อมโยง และความมั่นคงของมนุษย์
2. ปฏิญญาการประชุมผู้นำบิมสเทคครั้งที่ 6 ยืนยันเจตนารมณ์ของผู้นำในการส่งเสริมบิมสเทคและผลักดันวิสัยทัศน์บิมสเทค 2030
3. กฎระเบียบกลไกการดำเนินงานของบิมสเทค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
4. รายงานของคณะผู้ทรงคุณวุฒิว่าด้วยทิศทางของบิมสเทคในอนาคต เป็นข้อเสนอแนะที่จะนำไปสู่วิสัยทัศน์บิมสเทค 2030
5. ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเล (Maritime Connectivity) มีเป้าหมายหลักในการเชื่อมโยงเอเชียใต้กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทางทะเล เพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ ลดต้นทุนการผลิตสินค้า และอำนวยความสะดวกในการขนส่ง สินค้า คน และบริการ
6. แถลงการณ์ร่วมผู้นำบิมสเทคว่าด้วยผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาและไทย เป็นการแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการแสดงความเสียใจและความมุ่งมั่นของบิมสเทคที่จะสนับสนุนประเทศที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงเป็นการยืนยันความร่วมมือ เน้นย้ำความแน่นแฟ้นที่จะจัดการกับภัยพิบัติ และสร้างกลไกตอบสนองภัยธรรมชาติที่เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
แถลงการณ์ฉบับนี้เป็นเอกสารที่ฝ่ายไทยเสนอ สะท้อนเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจน
- เพิ่มปฏิสัมพันธ์ BIMSTEC กับภายนอก
นอกจากนี้ไทยในฐานะประธานยังนำเสนอกรอบความคิด PRO BIMSTEC ที่จะทำให้บิมสเทคมีปฏิสัมพันธ์กับองค์กรระดับภูมิภาค ระดับระหว่างประเทศอื่นๆ ได้อย่างเข้มแข็งและแข็งขันมากยิ่งขึ้น ทำให้คนมองเห็นความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ที่สุดท้ายแล้วทำให้บิมสเทคมีความสามารถในการแข่งขันได้มากยิ่งขึ้น โดยมีประเด็นสำคัญในเรื่องของการค้า การเชื่อมโยงและความมั่นคงของมนุษย์
ผลลัพธ์ของการประชุมผู้นำครั้งนี้จะนำไปสู่ประโยชน์โดยตรงที่เป็นรูปธรรมและจับต้องได้สำหรับคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเลเพราะจะลดต้นทุนการขนส่งสินค้า เพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานซึ่งจะทำให้สินค้าไทยแข่งขันได้ในตลาดโลกในภาวะที่ภูมิเศรษฐศาสตร์โลกแข่งขันกันสูงขึ้น การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับประชาชนทำได้ง่ายยิ่งขึ้น จะมีความร่วมมือทางวัฒนธรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ในการจ้างงาน คนจะมาท่องเที่ยวภายในและระหว่างภูมิภาคมากยิ่งขึ้น
"ท้ายที่สุดสิ่งเหล่านี้ก็คือโอกาสทางเศรษฐกิจ คือคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน" นายกรัฐมนตรีกล่าว
- ความสำคัญของบิมสเทค
รุจิกร แสงจันทร์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กล่าวกับผู้สื่อข่าวนอกรอบการแถลงข่าวว่า ประเทศไทยเป็นสมาชิกหรือเป็นผู้ก่อตั้งกรอบความร่วมมือหลายกรอบ ไม่ว่าจะเป็นกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง, อาเซียน, กรอบความร่วมมือเอเชีย (เอซีดี) แต่ละกรอบมีลักษณะแตกต่างกันไป และมีมหาอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น สหรัฐ แต่ถ้าหันไปมองทางตะวันตกแม้มีกรอบความร่วมมือมานานแล้วแต่ไม่ได้เน้นย้ำให้สาธารณชนได้รู้จัก นั่นคือความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่รอบอ่าวเบงกอล ศรีลังกาอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย และอีกสองประเทศในเทือกเขาหิมาลัยซึ่งเป็นประเทศแลนด์ล็อก แต่มีความจำเป็นต้องติดต่อกับโลกภายนอกทางทะเล ซึ่งทั้งเนปาลและภูฏานเป็นกลุ่มประเทศเอเชียใต้ที่ไทยให้ความสำคัญอยากมีความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น
เอกสารที่ผู้นำบิมสเทคลงนามกันโดยเฉพาะวิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2030 เป็นเอกสารฉบับแรกที่พูดถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำบิมสเทค ว่าเราจะยึดมั่นในธีม PRO BIMSTEC ซึ่งเป็นหลักการของเอกสารฉบับอื่นๆ เช่น ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเล ที่เป็นทั้งเรื่องของการค้า การเชื่อมโยง
“การขนส่งทางทะเลเป็นเส้นเลือดหลักของการค้า การที่เรามีความตกลงด้านนี้ก็เป็นลดต้นทุนการขนส่ง การเดินเรือชายฝั่งที่ขยายไปเป็นการเดินเรือข้ามมหาสมุทร ทั้งยังเปิดให้ประเทศแลนด์ล็อกได้มีโอกาสออกสู่ทะเล มีโอกาสค้าขาย ขนส่ง เป็นการเชื่อมต่อโลกและเชื่อมประชาชนด้วยกันผ่านการท่องเที่ยว ในอนาคตอาจมีการท่องเที่ยวเรือสำราญด้วย" รุจิกรกล่าว
นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมโยงด้านเอไอ ดิจิทัล ที่ผู้นำหลายคนให้ความสำคัญมาก รวมถึงให้ความสำคัญกับเยาวชนซึ่งจะเป็นอนาคตของบิมสเทค
ส่วนภาพอ่าวเบงกอลในปี 2030 เมื่อบรรลุวิสัยทัศน์บิมสเทค รุจิกรมองว่า อ่าวเบงกอลมีประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างอินเดีย และประเทศอื่นๆ ที่มีประชากรจำนวนมากรวมแล้ว 1,800 ล้านคน เป็นตลาดเศรษฐกิจสำคัญที่จะสร้างความมั่นคงทางสังคม การติดต่อไปมาหากัน ในอีก 5-10 ปีข้างหน้าเชื่อว่า เครือข่ายต่างๆ ที่สร้างไว้ในวันนี้จะนำไปสู่ประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะการจัดการภัยพิบัติ พลังงาน และการคมนาคมขนส่ง