เหล่ามหาเศรษฐีวิจารณ์ ‘ภาษีทรัมป์’ คุกคามเศรษฐกิจ ป่วนการค้าการลงทุน

เหล่ามหาเศรษฐีวิจารณ์  ‘ภาษีทรัมป์’ คุกคามเศรษฐกิจ ป่วนการค้าการลงทุน

เหล่ามหาเศรษฐีวิจารณ์ ‘ภาษีตอบโต้’ คุกคามเศรษฐกิจ ป่วนการค้า-การลงทุน สู่ ‘สงครามนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจ’ ชี้ใครจะกล้าลงทุนระยะยาวครั้งใหญ่ ลั่นทรัมป์ทำให้ผู้นำธุรกิจทั่วโลกขาดความเชื่อมั่น

ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า กลุ่มผู้นำธุรกิจ มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยหลายรายกำลังแสดงความไม่เห็นด้วยกับแผนการของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์”  ที่จะเก็บภาษีศุลกากร “ตอบโต้” จำนวนมาก จากประเทศคู่ค้าของสหรัฐซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับภาวะ “ขาดทุน” 

ภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทจากสหรัฐในอัตรา 10% ของประธานาธิบดีทรัมป์ได้มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งหลายสิบประเทศกำลังตั้งรับภาษีตอบโต้ที่จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันพุธที่ 9 เม.ย.นี้เป็นต้นไป โดยประเทศที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก ได้แก่ จีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐ และสหภาพยุโรป ซึ่งกำลังเผชิญกับภาษีใหม่ในอัตรา 34% และ 20% ตามลำดับ

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มหาเศรษฐี และผู้นำธุรกิจร่ำรวยคนอื่นๆ ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์อย่างเปิดเผยเช่นกัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่กำลังครอบงำตลาด

บิล แอคแมน 

เหล่ามหาเศรษฐีวิจารณ์  ‘ภาษีทรัมป์’ คุกคามเศรษฐกิจ ป่วนการค้าการลงทุน

“บิล แอคแมน” มหาเศรษฐีนักลงทุน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ของ Pershing Square Capital Management ซึ่งเคยสนับสนุนการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ในปี 2024 ได้ออกมาเตือนเมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า การเดินหน้าใช้นโยบายภาษีใหม่นี้เปรียบเสมือนการเริ่มต้น "สงครามนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจ"

“หากประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงดำเนินนโยบายการขึ้นภาษีต่อไป เรากำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาวนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจที่เราสร้างขึ้นเอง " แอคแมน กล่าว

ขณะเดียวกัน แอคแมนตั้งคำถามว่าในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจสั่นคลอนเหมือนเกิดสงครามนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจ จะมีซีอีโอ และคณะกรรมการบริษัทไหนกล้าตัดสินใจลงทุนระยะยาวครั้งใหญ่ในประเทศ พร้อมเสริมว่า ประธานาธิบดีกำลังทำให้ผู้นำธุรกิจทั่วโลกขาดความเชื่อมั่น

เจมี่ ไดมอน

เหล่ามหาเศรษฐีวิจารณ์  ‘ภาษีทรัมป์’ คุกคามเศรษฐกิจ ป่วนการค้าการลงทุน

เจมี่ ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกน เชส ได้ออกมาเตือนเมื่อวันจันทร์ว่า ภาษีศุลกากรดังกล่าวอาจทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย และลดบทบาทของสหรัฐในเวทีโลก

ไดมอนกล่าวในจดหมายประจำปีถึงผู้ถือหุ้นว่า "ภาษีศุลกากรล่าสุดมีแนวโน้มที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น และทำให้หลายคนมองว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น การขึ้นภาษีศุลกากรจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่นั้น ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่แน่นอนว่าจะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง"

อีลอน มัสก์

แม้แต่ “อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก และผู้สนับสนุนคนสำคัญของทรัมป์ ยังหวังว่าจะเกิด "สถานการณ์ปลอดภาษีศุลกากร" ระหว่างยุโรป และสหรัฐ ในการสัมภาษณ์ผ่านวิดีโอลิงก์กับรองนายกรัฐมนตรีอิตาลี มัตเตโอ ซัลวินี 

มัสก์ กล่าวว่า เขาต้องการเห็นการสร้าง "เขตการค้าเสรี" ที่มีประสิทธิภาพระหว่างยุโรป และอเมริกาเหนือ

เหล่ามหาเศรษฐีไม่เห็นด้วยกับภาษีทรัมป์

สแตนลีย์ ดรัคเคนมิลเลอร์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทการลงทุน Duquesne Family Office แสดงความคิดเห็นผ่านโพสต์บน X เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการเก็บภาษีในอัตราที่สูงเกิน 10%

ต่อมาในวันเดียวกัน เคน ฟิชเชอร์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง และประธานบริหารของ Fisher Investments กล่าวบน X ว่า สิ่งที่ทรัมป์ประกาศนั้นเป็นเรื่องที่โง่เขลา ผิดพลาด อวดดีเกินไป ขาดความเข้าใจในเรื่องการค้า และเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ถูกต้องด้วยเครื่องมือที่ไม่เหมาะสม 

นอกจากนี้ เขาประเมินว่าสถานการณ์นี้จะค่อยๆ หายไป และไม่ประสบความสำเร็จ นำไปสู่ความกังวลที่มากกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจริง 

ฟิชเชอร์ กล่าวว่า โดยปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะเกี่ยวกับการกระทำของประธานาธิบดี แต่ในประเด็นเรื่องภาษีศุลกากรนี้ เขามองว่าทรัมป์ได้ทำสิ่งที่เกินเลยขอบเขตที่เหมาะสมไปมาก

นโยบายทรัมป์ไม่แน่นอน ฉุดธุรกิจชะลอลงทุน

ไซมอน แมคอาดัม รองหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ระดับโลกจากบริษัทที่ปรึกษา Capital Economics กล่าวในทำนองเดียวกับแอคแมนว่า ธุรกิจต่างๆ น่าจะมีแนวโน้มที่จะชะลอการลงทุน สาเหตุหลักมาจาก "ความไม่แน่นอน" ในนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์

 "หากคุณเป็นบริษัทขนาดกลางหรือแม้แต่บริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง คุณคงจะลังเลอย่างมากว่าจะดำเนินการอย่างไร และถ้าหากจะต้องเจรจาลดภาษีเหล่านั้นลงอีกครั้งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า คุณก็จะเสียเวลาไปกับการลงทุนเงินนับร้อยล้านดอลลาร์ในโรงงานแห่งใหม่...ในสหรัฐ"

 

 

อ้างอิง CNN

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์