จีนลั่นสู้จนถึงที่สุดหลังทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีอีก 50%

จีนลั่นสู้จนถึงที่สุดหลังทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีอีก 50%

การเผชิญหน้าของสองยักษ์เศรษฐกิจยกระดับขึ้น เมื่อจีนไม่ยอมยกเลิกภาษีตอบโต้สหรัฐ ประกาศ “สู้จนถึงที่สุด” ถ้าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นภาษี 50% ตามที่ขู่

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานถ้อยแถลงจากกระทรวงพาณิชย์จีน 

“การคุกคามของฝ่ายสหรัฐที่จะเพิ่มภาษีศุลกากรต่อจีนเป็นความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เผยให้เห็นถึงธรรมชาติการแบล็กเมลของฝ่ายสหรัฐอีกครั้ง ถ้าสหรัฐยืนกรานจะทำให้ได้ จีนก็จะสู้จนถึงที่สุด”

รอยเตอร์รายงานว่า ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่มีใครถอย ภายในวันพุธ (9 เม.ย.68) ภาษีใหม่ที่สหรัฐเก็บจากสินค้าจีนในปีนี้รวมเพิ่มเป็น 104% สร้างแรงกดดันต่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้กำลังเตรียมตัวพบนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชส ของสเปน ก่อนเดินสายเยือนสามประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ห่วงโซ่อุปทานโลกกำลังตกอยู่ในอันตราย

นักวิเคราะห์ กล่าวว่า ภาษีของทรัมป์ก่อนหน้านี้เล่นงานผู้ส่งออกจีนจนแทบไม่มีกำไรอยู่แล้ว หากขึ้นภาษีอีกมีแต่จะตอกย้ำความต้องการเสี่ยงของรัฐบาลวอชิงตัน และความปรารถนาตัดจีนออกจากตลาดสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดผู้บริโภคใหญ่สุดของโลก

ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมอีก 50% ในวันพุธนี้ ถ้าปักกิ่งไม่ยกเลิกภาษี 34% ที่ประกาศเก็บจากสินค้าสหรัฐเมื่อสัปดาห์ก่อน

ภาษีทั้งหลายทั้งปวงที่เก็บกันไปเก็บกันมาส่งผลให้สินค้าจีนโดนภาษีสหรัฐเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 76%

“ถ้าภาษีมีแต่เพิ่มกับเพิ่ม จะกลายเป็นการต่อสู้กันระหว่างเจตจำนงกับหลักการมากกว่าเป็นการต่อสู้กันทางเศรษฐศาสตร์ เนื่องจากจีนโดนภาษีสูงกว่า 60% อยู่แล้ว จะเพิ่มขึ้นอีก 50% หรือ 500% ก็ไม่สำคัญ” ซู เทียนเฉิน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสด้านจีนจากอีโคโนมิสต์อินเทลลิเจนซ์ยูนิต กล่าว 

จีนได้เพิ่มความพยายามปกป้องเศรษฐกิจจากความปั่นป่วนของตลาดโลกหลังจากที่ทรัมป์ประกาศ “วันปลดแอก” 2 เม.ย.68 ตามเวลาสหรัฐ โดยบริษัทโฮลดิ้งของรัฐหลายแห่งให้คำมั่นเพิ่มการลงทุนในหุ้น บริษัทจดทะเบียนจำนวนมากประกาศซื้อหุ้นคืน และธนาคารกลางให้คำมั่นที่จะสนับสนุนสภาพคล่องแก่กองทุนเซ็นทรัลหูจิน หลังจากที่ธนาคารกลางเข้าแทรกแซงเพื่อพยุงราคาหุ้นที่ตกต่ำ

แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้ลบเลือนความจริงที่ว่า ความชอบใช้ภาษีเป็นเครื่องมือของทรัมป์เสี่ยงทำให้การฟื้นตัวที่เริ่มมาตั้งแต่หมดโควิดของเศรษฐกิจจีนที่เน้นการส่งออกผิดแผนได้ หากผู้ส่งออกไม่เร่งเปลี่ยนไปหาตลาดใหม่โดยเร็ว

“หากเกิน 35% ภาษีก็ทำลายกำไรทั้งหมดของภาคส่งออกไปแล้ว หลังจากนั้นจีนก็ไม่ควรส่งออกไปสหรัฐอีก มันอาจเป็น 1,000% ก็ได้ แต่เนื่องจากไม่มีการค้าขายกันแล้ว ก็ไม่มีอันตราย ยุโรปเป็น และจะเป็นตลาดที่ทำกำไรให้จีนมากที่สุดในตอนนี้” ตัน หวัง ผู้อำนวยการแผนกจีนจากยูเรเชีย กรุ๊ป ให้ความเห็น

ทั้งนี้ คาดกันว่า ประธานาธิบดีสี จะพบกับนายกรัฐมนตรีสเปนในวันศุกร์ (11 เม.ย.68)  เพื่อหาทางออกแก้ไขความตึงเครียดทางการค้าระหว่างปักกิ่งกับบรัสเซลส์รวมถึงการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าของจีน และความเสียหายจากภาษีทรัมป์

จากนั้นผู้นำจีนจะไปเยือนมาเลเซีย เวียดนาม และกัมพูชา สามประเทศที่ได้ประโยชน์จากการที่จีนย้ายฐานการผลิตหนีการคว่ำบาตรของสหรัฐในสมัยทรัมป์หนึ่ง แต่รอบนี้แต่ละประเทศโดนภาษีหนักไปตามๆ กัน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์