‘สหรัฐ’ ประกาศทวงคืน ‘คลองปานามา’ จากอิทธิพลจีน

พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ เยือนปานามา ประกาศทวงคืนคลองปานามา จากอิทธิพลจีน พร้อมให้คำมั่นร่วมมือด้านความมั่นคงกับกองทัพปานามา ขัดขวางจีนครอบครองเส้นทางเดินเรือที่พลุกพล่านที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวระหว่างเยือนปานามา เมื่อวันอังคาร (8 เม.ย.68) ว่า "สหรัฐเตรียมทวงคืนคลองปานามาจากอิทธิพลจีน"
หลังจากหารือกับรัฐบาลปานามา เฮกเซธให้คำมั่นร่วมมือด้านความมั่นคงอย่างเหนียวแน่นกับกองกำลังความมั่นคงของปานามา และว่าจีนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้คลองเป็น “อาวุธ” ผ่านการใช้ความสัมพันธ์ทางการค้าของธุรกิจจีนเพื่อการจารกรรมคลองแห่งนี้
“เราจะทวงคืนคลองปานามาจากอิทธิพลจีนด้วยกัน" เฮกเซธ กล่าว ณ ท่าเรือที่ปรับปรุงใหม่ในปานามา ซิตี ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐ "จีนไม่ได้สร้างคลองนี้ จีนไม่ได้บริหารคลองนี้ และจีนจะไม่ได้ใช้คลองเป็นอาวุธ เราจะร่วมกับปานามารักษาคลองให้ปลอดภัย และให้ทุกชาติได้ใช้”
คำปราศรัยของเฮกเซธ แม้จะใช้ถ้อยคำที่แข็งกร้าว แต่ก็พอเบาใจได้เพราะได้ให้คำมั่นบางอย่างกับชาวปานามาผู้ไม่สบายใจต่อภัยคุกคามของทรัมป์ ที่ต้องการยึดคลองคืน โดยเฮกเซธมุ่งกล่าวถึงประเด็นการขจัดอิทธิพลจีน ขณะที่ก่อนหน้านี้ทรัมป์พูดเกี่ยวกับการเข้าครอบครองคลองปานามาไว้กว้างๆ และไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลัง
รมว.เฮกเซธ เป็นรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐคนแรกในรอบหลายทศวรรษที่ไปเยือนปานามา และได้นั่งเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กบินผ่านคลอง หลังจากพบปะกับกองทัพสหรัฐ และกองกำลังความมั่นคงปานามา นอกจากนี้ รมว.กลาโหม ยังได้เยี่ยมชมประตูน้ำมิราฟลอเรส พร้อมโบกมือให้กับลูกเรือของเรือบรรทุกสินค้าที่แล่นผ่านไปมา
ทั้งนี้ ปริมาณการขนส่งคอนเทนเนอร์ของสหรัฐมากกว่า 40% ซึ่งมีมูลค่าราว 2.7 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี ขนส่งผ่านคลองปานามาแห่งนี้ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 2 ใน 3 ของเรือขนส่งที่ผ่านเข้าออกคลองในแต่ละวัน ซึ่งคลองปานามาเป็นเส้นทางเดินเรือที่พลุกพล่านที่สุดอันดับ 2 ของโลก
ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐทั้งอดีต และปัจจุบันมองว่า คลองปานามา อาจเป็นเส้นทางสำคัญที่เรือรบสหรัฐเลือกใช้เดินทาง หากเกิดความขัดแย้งใดๆ ในเอเชียในอนาคต เนื่องจากเรือรบของกองทัพเรือสหรัฐจะต้องแล่นผ่านจากมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อสนับสนุนความพยายามในการทำสงคราม
การเยือนประเทศในอเมริกากลางของรมว.กลาโหม สหรัฐมีขึ้นหลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลทรัมป์ขอให้กองทัพสหรัฐหาทางเลือกเพื่อให้สามารถเข้าถึงคลองปานามาได้ คลองสายนี้สหรัฐขุดไว้เมื่อกว่าร้อยปีที่ผ่านมา และส่งมอบให้ปานามาเมื่อปี 1999 ซึ่งทรัมป์วิจารณ์ว่าข้อตกลงส่งมอบคลองเป็นข้อตกลงที่ไม่เป็นผลดีต่อสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากถ้อยคำที่แข็งกร้าวของทรัมป์ การไปเยือนปานามาของเฮกเซธยังคงมีความเสี่ยงสูง
ไรอัน เบิร์ก ผู้อำนวยการโครงการอเมริกาจากศูนย์ยุทธศาสตร์ และการศึกษาระหว่างประเทศ กล่าว “โดยรวมแล้ว นี่ไม่ใช่ชัยชนะของสหรัฐในแง่ของการทูตสาธารณะในปานามา”
ปานามายอมร่วมมือสหรัฐ
ขณะที่เจ้าหน้าที่ และผู้เชี่ยวชาญสหรัฐทั้งอดีต และปัจจุบันมองว่า สหรัฐได้พบกับพันธมิตรที่เต็มใจจะแก้ไขอิทธิพลของจีนในตัวของประธานาธิบดีโฆเซ ราอูล มูลิโนของปานามาที่เฮกเซธได้เข้าพบเมื่อวันอังคาร
เมื่อเดือนก.พ. มูลิโนประกาศความเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการของปานามาโดยเตรียมออกจากโครงการสายแถบ และเส้นทางของจีน และช่วยทรัมป์ปราบปรามผู้อพยพด้วยการยอมรับเที่ยวบินส่งตัวผู้อพยพที่ไม่ใช่ชาวปานามา ทั้งยังดำเนินการยับยั้งผู้อพยพจากอเมริกาใต้ที่ต้องเดินทางผ่านป่าดาเรียนแสนอันตรายของปานามาด้วย
เฮกเซธ ยกย่องมูลิโน โดยบอกรัฐบาลสหรัฐทราบถึงภัยคุกคามจากจีน และได้กล่าวถึงบทบาทปานามาที่เป็นผู้นำแก้ไขปัญหาความกังวลด้านความมั่นคงของคลอง
นอกจากนี้ ในระหว่างเยือนฐานทัพเก่าของสหรัฐในปานามา เฮกเซธยังได้กล่าวว่าคลองปานามาเป็นภูมิประเทศที่สำคัญ และหวังว่ากองทัพปานามาจะมีส่วนร่วมกับกองทัพสหรัฐมากขึ้น รวมถึงการฟื้นฟูศูนย์ฝึกเอาชีวิตรอดในป่า
รัฐมนตรีเฮกเซธเป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนแผนด้านความมั่นคงของทรัมป์ในพื้นที่อเมริกาใต้ ผ่านการดำเนินงานหลายอย่าง อาทิ การส่งทหารไปยังชายแดนสหรัฐ และเม็กซิโก การเสนอพื้นที่ฐานทัพที่อ่าวกวนตานาโมในคิวบาเพื่อกักขังผู้อพยพ และสั่งใช้เครื่องบินทหารเพื่อส่งตัวผู้อพยพกลับประเทศ
จีนปฏิเสธไม่ใช่ภัยคุกคาม
สำหรับประเด็นที่ทรัมป์กล่าวอ้างเท็จว่า จีนกำลังปฏิบัติงานในคลองปานามา เฮกเซธ กล่าวเมื่อวันอังคารว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง รวมถึงประเด็นที่บอกว่ามีทหารจีนอยู่ในพื้นที่
ผู้เชี่ยวชาญทราบดีถึงความกังวลด้านความมั่นคงของสหรัฐ โดยเฉพาะเรื่องการจารกรรม เนื่องจากมีการขยายตัวทางการค้าของจีนในคลองปานามา และภาคธุรกิจจีนมีแผนสร้างสะพานเหนือคลองดังกล่าว
แถลงของสถานเอกอัครราชทูตจีนในปานามา ระบุว่า จีนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการ และการดำเนินงานในคลองปานามา หรือไม่เคยแทรกแซงกิจการของคลองแต่อย่างใด
“มีแค่ครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ที่คลองถูกตัดขาด นั่นก็เป็นเพราะการรุกรานของสหรัฐ ใครกันแน่ที่ปกป้องความเป็นกลาง และความเจริญรุ่งเรืองของคลองนี้ ใครกันที่ยังคงเรียกร้องให้ ‘เอาคลองกลับคืนมา’ ใครคือภัยคุกคามที่แท้จริงต่อคลองนี้” สถานทูตจีนตั้งคำถาม
แม้ทางการจีนยืนกรานว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ธุรกิจจีนกลับยอมขายหุ้นธุรกิจท่าเรือให้สหรัฐ
เมื่อเดือนที่แล้วทรัมป์ได้กล่าวยกย่องที่บริษัทแบล็กร็อค (BlackRock) ของสหรัฐ บรรลุข้อตกลงซื้อหุ้นธุรกิจท่าเรือมูลค่า 2.28 หมื่นล้านดอลลาร์ของบริษัทซีเค ฮัตชิสัน (CK Hutchison) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทในฮ่องกง รวมถึงท่าเรือของบริษัทที่อยู่ท้ายคลองปานามา
ทรัมป์กล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวเป็นตัวอย่างของวิธีการทวงคืนคลองปานามาของสหรัฐ ขณะที่จีนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงซื้อธุรกิจท่าเรือ โดยหน่วยงานกำกับดูแลตลาดบอกว่า จะดำเนินการตรวจสอบข้อตกลงดังกล่าวเพื่อต่อต้านการผูกขาด
ด้าน จอห์น ฟีลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำปานามาตั้งแต่ปี 2015-2018 ออกมาโต้แย้งคำกล่าวอ้างของรัฐบาลทรัมป์ที่ระบุว่า การที่จีนเข้าไปอยู่ในปานามาเป็นการละเมิดสนธิสัญญาระหว่างสหรัฐ และปานามา
“สิ่งที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับวิธีที่ทรัมป์ใช้ดำเนินการเรื่องนี้คือ วิธีการกลั่นแกล้งที่เขาใช้ ซึ่งคือ การอ้างว่า มีการละเมิดสนธิสัญญาความเป็นกลาง ซึ่งไม่ได้เป็นเช่นนั้น”
ขณะที่ ปธน.มูลิโนได้ออกมาปกป้องการบริหารคลองปานามา โดยบอกว่าคลองได้รับการจัดการอย่างมีความรับผิดชอบในการค้าโลก รวมถึงการค้ากับสหรัฐ และว่าคลองปานามา “เป็นและจะเป็นของปานามาต่อไป”
อ้างอิง: Reuters
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์