ทรัมป์ขู่อีก! จะใช้กำลังทหารถ้าอิหร่านไม่ทำดีลนิวเคลียร์

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ขู่ซ้ำว่าจะใช้กำลังทหารโดยอิสราเอลมีบทบาทนำ ถ้าอิหร่านไม่เห็นชอบยุติโครงการนิวเคลียร์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว เมื่อวันพุธ (9 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น หลังลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับที่ห้องทำงานรูปไข่ว่า อิหร่านไม่อาจมีอาวุธนิวเคลียร์ได้ และถ้ายังไม่หยุดความพยายามพัฒนา ปฏิบัติการทหารจะตามมา
“ผมไม่ได้ขออะไรมาก แต่พวกเขาจะมีอาวุธนิวเคลียร์ไม่ได้ หากจำเป็นต้องใช้กำลังทหารก็ต้องใช้ แน่นอนว่าอิสราเอลจะเป็นผู้นำ ไม่มีใครนำเราได้ เราทำในสิ่งที่เราต้องการ” ทรัมป์กล่าวโดยไม่ได้บอกว่า ปฏิบัติการทางทหารจะเริ่มต้นเมื่อใด
“ผมไม่อยากระบุแต่เมื่อคุณเริ่มเจรจาก็ต้องดูว่าไปได้ดีหรือไม่ สรุปคือก็ต่อเมื่อผมคิดว่า ไปได้ไม่ดีนั่นล่ะ”
เมื่อวันจันทร์ (7 เม.ย.) ทรัมป์ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการประกาศว่า สหรัฐกับอิหร่านจ่อเริ่มคุยกันโดยตรงเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของรัฐบาลเตหะรานเมื่อวันเสาร์ (5 เม.ย.) พร้อมเตือนว่า อิหร่านจะตกอยู่ใน “อันตรายใหญ่หลวง” ถ้าการเจรจาไม่สำเร็จ
ขณะที่อิหร่านไม่เอาด้วยกับความต้องการของสหรัฐ ระบุว่า การเจรจากันทางอ้อมจะเกิดขึ้นในโอมาน คำพูดนี้ยิ่งตอกย้ำความแตกต่างของสองประเทศ
ในวันอังคาร (8 เม.ย.) สื่อทางการอิหร่านรายงานว่า การพูดคุยจะนำโดยนายอับบาส อารักชี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน และนายสตีฟ วิตคอฟ ทูตพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐ โดยนายบัดร์ อัล บูไซดี รัฐมนตรีต่างประเทศโอมานเป็นผู้ไกล่เกลี่ย
สหรัฐและอิหร่านไม่ได้พูดคุยกันโดยตรงในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน จึงแทบไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในเรื่องนี้ ทั้งสองฝ่ายคุยกันโดยตรงครั้งสุดท้ายเท่าที่เป็นข่าวคือในสมัยประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้เป็นหัวหอกทำข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับพันธมิตรตะวันตกในปี 2015 แล้วทรัมป์ถอนตัวไปในภายหลังโดยสหรัฐกลับมาคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง
นับจากนั้นอิหร่านก็เสริมสมรรถนะยูเรเนียมไปมากกว่าที่จำกัดไว้ในข้อตกลง







