ทรัมป์เล็งขึ้นภาษี 'สินแร่' ด้วย สั่งพาณิชย์ตั้งสอบแล้ว

สหรัฐเล็งขึ้นภาษี 'สินแร่สำคัญ' ด้วย สั่งพาณิชย์ตั้งสอบเรื่องผลกระทบความมั่นคงชาติภายใต้มาตรา 232 แล้ว หวังยกเครื่องใหม่โยกการผลิต-แปรรูปแร่หายากเข้ามาในสหรัฐ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เริ่มการสืบสวนสอบสวนความจำเป็นในการเรียกเก็บภาษีนำเข้า "สินแร่" ที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวล่าสุดที่อาจทำให้สงครามการค้าทั่วโลกทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะกับ "จีน" ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่สำคัญรายใหญ่ของโลก
ทำเนียบขาวระบุว่า ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งเมื่อวันที่ 15 เม.ย. สั่งการโดยตรงให้ฮาวเวิร์ด ลัตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐเริ่มต้นการสอบสวนภายใต้มาตรา 232 ของกฎหมาย Trade Expansion Act 1962 เพื่อประเมินผลกระทบของการนำเข้าสินแร่เหล่านี้ต่อความมั่นคงของสหรัฐ โดยระบุว่าการที่สหรัฐต้องพึ่งพาการนำเข้าสินแร่เหล่านี้จากต่างประเทศ เพิ่มโอกาสความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ ความพร้อมทางการทหาร เสถียรภาพด้านราคา ความยืดหยุ่นและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ
รมว.พาณิชย์สหรัฐจะต้องส่งรายงานผลการสอบสวนภายใน 180 วัน ซึ่งรวมถึงการให้ความเห็นสรุปว่าควรต้องเก็บภาษีหรือไม่
การเปิดสอบครั้งนี้คล้ายกับกรณีของ "เหล็กและอะลูมิเนียม" ที่ถูกสหรัฐตั้งสอบและประกาศขึ้นภาษีนำเข้า 25% ไปแล้วเมื่อเดือนก.ค. ที่ผ่านมา ปัจจุบันรัฐบาลทรัมป์กำลังดำเนินการสอบภายใต้มาตรา 232 กับสินค้าอีกหลายรายการ อาทิ ทองแดง ยา และชิปเซมิคอนดักเตอร์
รอยเตอร์สระบุว่าคำสั่งดังกล่าวตอกย้ำถึงสิ่งที่บรรดาผู้ผลิต ที่ปรึกษาด้านอุตสาหกรรม นักวิชาการ และบุคคลอื่นๆ เตือนรัฐบาลวอชิงตันมาเป็นเวลานานว่า สหรัฐกำลังพึ่งพาจีนและประเทศอื่นๆ มากเกินไป ในด้านสินแร่สำคัญที่เป็นพื้นฐานขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐ
ปัจจุบัน จีนเป็นผู้ผลิตแร่สำคัญ 30 ชนิด จากทั้งหมด 50 ชนิดที่สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐพิจารณาว่ามีความสำคัญ และจีนได้ทยอยลดการส่งออกลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยส่วนหนึ่งเป็นมาตรการตอบโต้สงครามการค้ากับสหรัฐ