จีนแห่ 'ซื้อหุ้นเพื่อชาติ' ผนึกกำลังพยุงตลาด ไม่ยอมแพ้ ‘สหรัฐ’

จีนแห่ 'ซื้อหุ้นเพื่อชาติ' ผนึกกำลังพยุงตลาด ไม่ยอมแพ้ ‘สหรัฐ’

ชาตินิยมปลุกสถาบัน-นักลงทุนรายย่อยจีน แห่ซื้อหุ้น ‘เพื่อชาติ’ ผนึกกำลังทำสงครามไร้ควันปืน หวังฟื้นเชื่อมั่นพยุงตลาด ไม่ยอมแพ้ ‘สหรัฐ’ ดึงเงินไหลเข้า 45,000 ล้านหยวน

รอยเตอร์รายงานว่า นักลงทุนรายย่อยในจีนจำนวนมากกำลังเข้าร่วมกลุ่มที่เรียกว่า "ทีมชาติ" ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน เพื่อช่วยกันซื้อหุ้นและช่วยปกป้อง “ตลาดหุ้นจีน” ที่ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งสมรภูมิรบระหว่างสหรัฐและจีน 

ซื้อหุ้น กู้ชาติ

สถานการณ์ที่นักลงทุนรายย่อยรวมตัวกันซื้อหุ้นเพื่อชาติเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น โดยการซื้อหุ้นของนักลงทุนจะเน้นไปที่บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญ เช่น บริษัทที่ทำเรื่องการป้องกันประเทศ สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ 

“เฉา หมิงเจี๋ย” หนึ่งในนักลงทุนรายย่อยที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยซื้อขายหุ้นมาก่อน  จนกระทั่งถึงวันปลดแอกของ “โดนัล ทรัมป์”  ทำให้เฉาเปลี่ยนใจเข้าสู่วงการหุ้น เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นด้วยความต้องการที่จะแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับรัฐบาลจีน ด้วยการเริ่มลงทุน 2,000 หยวน (274 ดอลลาร์) หรือราว 9,016 บาท  ในตลาดหุ้นจีนทุกเดือน

  “ในสงครามการค้าครั้งนี้ ทุกคนควรยืนหยัดเคียงข้างประเทศจนถึงที่สุด เป้าหมายของผมไม่ใช่การทำเงิน แต่เป็นการช่วยสนับสนุนประเทศ"

เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับหน่วยงานต่างๆ ที่กำลังพยายามทำให้ตลาดหุ้นมั่นคง ไม่ให้คนตื่นตระหนกจากเรื่องสงครามการค้า 

จากข้อมูลของ Datayes บริษัทที่ให้บริการข้อมูลด้านการเงินพบว่า ตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. ซึ่  ตลาดหุ้นจีนมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิจากนักลงทุนรายย่อยรวมกันถึง 45,000 ล้านหยวน หากเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ที่ตลาดหุ้นมีเงินไหลออกจากนักลงทุนรายย่อยติดต่อกัน 6 วันทำการ รวมเป็นเงิน 91,800 ล้านหยวน ก่อนถึงวันปลดแอก

สถาบันแห่ซื้อหุ้นคืน ฟื้นเชื่อมั่น

ทรัมป์ขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตราที่สูงมาก ซึ่งจีนมองว่าเป็นการ "กลั่นแกล้ง"  โดยในวันที่ 7 เม.ย. หุ้นจีนตกลงถึง 7% หลังจากนั้นนักลงทุนสถาบันที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลก็ได้ออกมาประกาศว่าจะซื้อหุ้นเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของจีนก็ให้สัญญาว่าจะช่วยรักษาระดับราคาหุ้น และบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งก็เปิดเผยแผนที่จะซื้อหุ้นของตัวเองคืน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เค่อเฉียง ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลเพิ่มความพยายามในการทำให้ตลาดหุ้นมีเสถียรภาพมากขึ้น หลังจากนั้นตลาดหุ้นก็ปรับตัวสูงขึ้น 8% จากจุดต่ำสุดในรอบ 7 เดือน และในเดือนนี้ตลาดหุ้นจีนลดลงเพียง 1.3% เท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าตลาดหุ้นสหรัฐที่ร่วงลงมากกว่า 8%

 เมิ่ง เหล่ย นักกลยุทธ์หุ้นจีนจาก UBS Securities มองว่าตลาดหุ้น A-share ของจีนมีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์มากกว่าและการที่นักลงทุนเข้ามาเดิมพันเพื่อสนับสนุนชาติ ทำให้  ความรู้สึกของนักลงทุนดีขึ้นอย่างมาก

สงคราม...ไร้ควันปืน

หยาง ติงหวู่ ผู้จัดการกองทุนป้องกันความเสี่ยง Tongheng Investment กล่าวว่า ได้นำเงินสดทั้งหมดที่เหลืออยู่ในพอร์ตการลงทุนไปลงทุนในหุ้นกลุ่มเกษตร พลังงาน การเงิน และการป้องกันประเทศ เพราะนี่ไม่ได้เดิมพันแค่กับพอร์ตการลงทุนของคุณเท่านั้นแต่ยังรวมถึงชะตากรรมของประเทศของคุณด้วย

"นี่คือสงคราม เพียงแต่ไม่มีการปะทะกันทางอาวุธ จากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่รุนแรงขึ้นจนมีการเก็บภาษีตอบโต้กันในอัตราที่สูงเกิน 100%”

เทหมดหน้าตักช่วยประเทศ

เลียม โจว ผู้ก่อตั้งบริษัท Minority Asset Management ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเซี่ยงไฮ้กล่าวว่า ได้นำเงินทั้งหมดในพอร์ตโฟลิโอที่มีมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ไปลงทุนในหุ้นจีน

สงครามการค้ายังปลุกความเป็นชาตินิยมในบรรดานักลงทุนชาวจีนให้มากยิ่งขึ้น

แนนซี ลู่ ครูในมณฑลเจียงซูจะไม่ขายหุ้นแม้แต่ตัวเดียว ไม่ว่าหุ้นจีนในพอร์ตจะขาดทุนแค่ไหน   เพื่อยืนหยัดเคียงข้างรัฐบาลในการต่อสู้กับการกลั่นแกล้งของสหรัฐ  

"ฉันก็จะไม่ขายหุ้นแม้แต่ตัวเดียว ฉันจะช่วยปกป้องตลาดให้กับประเทศของเรา ฉันไม่เคยรู้สึกภาคภูมิใจในฐานะนักลงทุนรายย่อยมากเท่านี้มาก่อน 

นอกจากนี้ลู่ ให้สัญญาว่าจะไม่ไปร้านสตาร์บัคส์หรือสวมใส่ผลิตภัณฑ์ของไนกี้อีกต่อไป ซึ่งถือเป็นการคว่ำบาตรแบรนด์อเมริกัน 

โจว หลี่เฟิง นักลงทุนหุ้นจีนที่ให้สัญญาว่าจะใส่เงินเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มอีก แม้ว่าเขาอาจจะต้องขาดทุนก็ตาม ส่วนใหญ่หลี่เฟิงถือหุ้นของบริษัทที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศ มูลค่ารวม 3 ล้านหยวน และยังมีเงินสดสำรองอีก 7 ล้านหยวน

 ด้าน ชู ห่าว เจ้าของร้านอาหารได้ลงทุนในหุ้นจีนไปแล้วหลายร้อยล้านหยวน เผยว่ารู้สึกมีแรงบันดาลใจจากความพยายามของบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ในประเทศเช่น เจดีดอทคอม (JD.com) ซีอาร์ แวนการ์ด (CR Vanguard) ได้ประกาศออกมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออกให้หันมาขายสินค้าในตลาดภายในประเทศมากขึ้น

‘ทีมชาติ’ เทเงินไหลเข้า พยุงตลาดหุ้นจีน

หุ้นและกลุ่มอุตสาหกรรมที่ผู้คนเข้าไปซื้อนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความภาคภูมิใจในชาติ โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่รัฐบาลปักกิ่งตั้งเป้าที่จะพัฒนาให้เติบโตด้วยตนเอง หรือเป็นผู้นำในด้านที่ถูกจำกัดจากตลาดโลกเนื่องจากมาตรการภาษี

หุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคและการผลิตชิป ปรับตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่วันที่ทรัมป์ประกาศมาตรการดังกล่าว แม้ว่าตลาดโดยรวมจะอยู่ในช่วงขาลง ในขณะที่หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและการเกษตรก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

กองทุนรวมดัชนี (Exchange Traded Funds หรือ ETFs) ซึ่งเป็นช่องทางการลงทุนที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในจีน ได้รับเงินไหลเข้าจำนวนมาก

นับตั้งแต่ตลาดหุ้นตกต่ำเมื่อวันที่ 7 เมษายน กองทุน ETF ของจีนมีเงินไหลเข้ามากกว่า 230,000 ล้านหยวน ทำให้ขนาดรวมของกองทุน ETF เหล่านี้ทะลุ 4 ล้านล้านหยวนเป็นครั้งแรก สื่อของรัฐรายงานว่า ข้อมูลนี้ไม่ได้ระบุว่าเงินที่ไหลเข้ามานั้นมาจากนักลงทุนรายย่อยมากน้อยแค่ไหน เมื่อเทียบกับกลุ่ม "ทีมชาติ" ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล