'แบงก์ชาติจีน' อัดฉีดเงินเข้าระบบครั้งใหญ่ 6 แสนล้านหยวน

ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงินเข้าระบบครั้งใหญ่ 6 แสนล้านหยวน "สูงที่สุด" นับตั้งแต่ปลายปี 2566 หวังบรรเทาผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐที่ยังตึงเครียดสูง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) ออกแถลงการณ์เตรียมอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบ 6 แสนล้านหยวน (ราว 2.75 ล้านล้านบาท) ผ่านทางโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) เพื่อปกป้องเศรษฐกิจจีนจากผลกระทบสงครามการค้ากับสหรัฐ
จากการประมวลของบลูมเบิร์กคาดว่า จะมีการอัดฉีดเงินสดสุทธิมากถึง 5 แสนล้านดอลลาร์เข้าโครงการนี้ ซึ่งจะถือเป็นการ "อัดฉีดครั้งใหญ่ที่สุดของแบงก์ชาติจีน" นับตั้งแต่เดือนธ.ค.2566 เป็นต้นมา
"การดำเนินการดังกล่าวนับเป็นการส่งสัญญาณถึงท่าทีสนับสนุนผ่านการใช้นโยบายการเงิน ในขณะที่เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับความท้าทายของบรรยากาศทางการค้า...นอกจากนี้ยังเพื่อให้แน่ใจว่าจะมี 'สภาพคล่อง' เพียงพอในระบบ เมื่อรัฐบาลระดมทุนผ่านการออกพันธบัตรพิเศษเพิ่มขึ้น" หวัง ชิง หัวหน้านักวิเคราะห์มหภาคของบริษัท Golden Credit Rating กล่าว
ทั้งนี้ บรรดานักลงทุนได้เรียกร้องให้ PBOC ดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม หลังจากที่จีนเผชิญภาษีนำเข้าจากสหรัฐสูงถึง 145% เป็นที่คาดว่าการอัดฉีดสภาพคล่องในระบบครั้งนี้จะช่วยให้ความต้องการใช้เงินสดที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงวันหยุดยาวต้นเดือนพฤษภาคม เป็นไปอย่างราบรื่นขึ้น และยังช่วยสนับสนุนการออกพันธบัตรพิเศษของรัฐบาลที่จะเริ่มในสัปดาห์นี้
เมื่อเดือนที่แล้ว แบงก์ชาติจีนได้ปรับปรุงวิธีการประมูลโครงการสินเชื่อ MLF โดยให้ธนาคารต่างๆ เสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่างกันในการประมูล ทั้งนี้ PBOC หยุดการเปิดเผยข้อมูลต้นทุนของสินเชื่อ MLF มานาน 1 ปีแล้ว ในการยกเครื่องระบบเพื่อมุ่งให้ความสำคัญกับดอกเบี้ยระยะสั้น และดำเนินนโยบายผ่อนปรนทางการเงินในระดับปานกลางเพื่อช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจจีน
บลูมเบิร์ก ระบุด้วยว่า การอัดฉีดสภาพคล่องครั้งนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เนื่องจากแบงก์ชาติจีนได้ลดบทบาทของโครงการเงินกู้ MLF มาหลายเดือนแล้ว โดยหันไปให้น้ำหนักกับเครื่องมืออื่นแทน โดยเฉพาะการทำธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตร Reverse Repo ระยะ 3-6 เดือน
ในเดือนเม.ย. นี้ จะมีธุรกรรม Reverse Repo ที่ครบกำหนดไถ่ถอนสูงถึง 1.7 ล้านล้านหยวน ซึ่งนับเป็นมูลค่าต่อเดือนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2567 เป็นต้นมา
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์