สารจากทูตอิสราเอล เนื่องในวันครบรอบ 77 ปี การสถาปนาประเทศอิสราเอล

สารจากทูตอิสราเอล เนื่องในวันครบรอบ 77 ปี การสถาปนาประเทศอิสราเอล

สารจาก ออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอล ในโอกาสครบรอบ 77 ปี ของการสถาปนาประเทศอิสราเอลในวันที่ 1 พฤษภาคม 2025 นี้ ให้คำมั่นยังคงยืนหยัดที่จะปกป้องคุ้มครองประชาชนและอธิปไตยของประเทศ ยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างไทยและอิสราเอลยังคงแน่นแฟ้นและก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง

เนื่องในโอกาสวันสถาปนาประเทศครบรอบปีที่ 77อิสราเอลฉลองวันพิเศษนี้ด้วยความภาคภูมิใจ ความกตัญญู และใคร่ครวญถึงสิ่งที่ผ่านมา วันนี้เป็นวันที่เรารำลึกถึงความอดทน ความคิดสร้างสรรค์ และจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งของประชาชนชาวอิสราเอล นอกจากนี้ยังเป็นเวลาที่เราชื่นชมยินดีต่อมิตรภาพที่มีร่วมกับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับราชอาณาจักรไทยที่มีสายสัมพันธ์อันล้ำค่า แน่นแฟ้นและยั่งยืน

ปีนี้ วันชาติอิสราเอลตรงกับช่วงเวลาที่ซับซ้อนและเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ผสมผสาน ด้วยเหตุที่เรายังคงเผชิญกับผลกระทบจากการโจมตีอย่างโหดเหี้ยมของกลุ่มผู้ก่อการร้ายฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นวันที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของอิสราเอล แม้ว่าเราจะสามารถนำตัวประกันกลับบ้านได้หลายคนแล้ว แต่ก็ยังคงต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดจากความจริงที่ว่าตัวประกันอีก 59 คนยังคงถูกควบคุมอยู่ในฉนวนกาซา รวมถึงแรงงานไทยสามคน โดยที่สองคนได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตแล้ว ส่วนอีกหนึ่งคนยังไม่ทราบชะตากรรม การสูญเสียครั้งนี้นำมาซึ่งความโศกเศร้าอย่างลึกซึ้ง และชาวอิสราเอลทั่วประเทศยังคงรำลึกถึงพวกเขาทุกคนด้วยความเคารพอาลัย

สารจากทูตอิสราเอล เนื่องในวันครบรอบ 77 ปี การสถาปนาประเทศอิสราเอล

เราเชื่อว่า สันติภาพจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อฮามาส ซึ่งเป็นองค์กรก่อการร้ายและเป็นผู้รับผิดชอบต่อการสังหารหมู่เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ต้องไม่มีส่วนร่วมในการปกครองชาวปาเลสไตน์ และถูกกำจัดออกจากฉนวนกาซาอย่างสิ้นเชิง ตราบใดที่องค์กรก่อการร้ายนี้ยังคงคุกคามชีวิตผู้บริสุทธิ์และบั่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาค ความหวังที่จะมีสันติภาพก็เลือนลาง ทั้งนี้อิสราเอลยังคงมุ่งมั่นที่จะนำตัวประกันที่เหลือทั้งหมดกลับคืนมา และต้องให้แน่ใจว่าโศกนาฏกรรมเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก อิสราเอลยังคงยืนหยัดที่จะปกป้องคุ้มครองประชาชนและอธิปไตยของประเทศ

แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายนานา แต่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยและอิสราเอลยังคงแน่นแฟ้นและก้าวหน้าไปอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพของเราสะท้อนให้เห็นได้จากความร่วมมือในโครงการต่างๆ การให้เกียรติซึ่งกันและกัน และมิตรภาพในหมู่ประชาชน เห็นได้ชัดว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ความร่วมมือในหลายภาคส่วน ได้เติบโตขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง อันเป็นผลมาจากการมีเป้าหมายร่วมกัน ที่ขับเคลื่อนด้วยการนำจุดแข็งของแต่ละประเทศมาเสริมซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยีอาหาร ในขณะที่โลกกำลังแสวงหาวิธีแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนและสร้างสรรค์เพื่อเลี้ยงประชากรที่เพิ่มขึ้น อิสราเอลได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมทางการเกษตรโปรตีนทางเลือก เกษตรแม่นยำ และเทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงทางอาหาร ขณะที่ประเทศไทยมีทรัพยากรการเกษตรที่อุดมสมบูรณ์และเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ การจับมือกันของสองประเทศในภาคส่วนนี้จึงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมีศักยภาพ

ความมั่นคงทางไซเบอร์ก็เป็นความร่วมมือที่สำคัญอีกประการหนึ่ง เป็นที่ทราบกันดีว่าอิสราเอลมีเทคโนโลยีระดับสูง ในขณะเดียวกันประเทศไทยก็เร่งเดินหน้าสู่ยุคดิจิทัล ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองประเทศจึงจับมือกันสร้างโอกาสด้านการฝึกอบรม การลงทุน และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

หัวใจของความสัมพันธ์อันดีระหว่างอิสราเอลและประเทศไทยที่จะมองข้ามมิได้ คือแรงงานไทยในอิสราเอล ด้วยความขยัน อดทน และทักษะที่ยอดเยี่ยม แรงงานไทยจึงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของภาคการเกษตรของเรา อิสราเอลซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งต่อความทุ่มเทและไมตรีที่แรงงานไทยทุกคนมอบให้

เมื่อเร็วๆนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของอิสราเอลได้เดินทางมายังประเทศไทยอย่างเป็นทางการ การมาเยือนครั้งนี้ได้นำไปสู่ความร่วมมือเชิงนโยบาย โดยเฉพาะแผนการขยายโอกาสการจ้างแรงงานไทยในภาคอื่น เช่น การก่อสร้างและอุตสาหกรรม ขณะนี้ อิสราเอลมีนโยบายจะเพิ่มจำนวนแรงงานไทยจาก 8,000 คนต่อปี เป็น 13,000 คน และอาจเพิ่มสูงถึง 20,000 คน แผนการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างกัน และความเชื่อมั่นที่อิสราเอลมีต่อแรงงานไทย

กล่าวได้ว่า ความสัมพันธ์อันดีระหว่างอิสราเอลและประเทศไทยนั้นมีอยู่ในทุกระดับ ตั้งแต่รัฐบาล ภาคธุรกิจ และประชาชน โดยผ่านทางแรงงานชาวไทย นักศึกษาแลกเปลี่ยน กิจการธุรกิจ และกิจกรรมทางวัฒนธรรมในทุกรูปแบบ

นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลก็มีบทบาทสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดำเนินมาอย่างยาวนานนี้เช่นกัน ก่อนการระบาดของโควิด-19 มีชาวอิสราเอลกว่า 200,000 คนเดินทางมายังประเทศไทยทุกปี และเมื่อสิ้นปี 2567 ตัวเลขดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นเป็น 300,000 คน ทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีก และเมื่อไม่นานมานี้ เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่กระทบต่อประเทศไทย ส่งผลให้อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินถล่มลงมาและ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก อิสราเอลเป็นประเทศแรกๆ ที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์นี้ในทันที ด้วยการส่งทีมค้นหาและกู้ภัยจำนวน 22 คนมาช่วยเจ้าหน้าที่ไทยปฏิบัติภารกิจ ความร่วมมือต่างๆ เหล่านี้ล้วนช่วยสานสายสัมพันธ์ระหว่างเราให้ลึกซึ้งมั่นคงยิ่งขึ้น 

ในขณะที่อิสราเอลเฉลิมฉลองวันชาติปีที่ 77 ​​เราได้หวนคิดถึงอดีตที่ผ่านมา และมุ่งสร้างอนาคตที่สดใสกับมิตรชาวไทยของเรา ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเราแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยความหวัง ทั้งในยามสงบและยามท้าทาย

สารวันชาติอิสราเอลปีนี้ยังมีความหมายสำหรับข้าพเจ้าเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นปีสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ประเทศที่สวยงามและเปี่ยมด้วยไมตรี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้ประจักษ์ถึงพลังของความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ผ่านความร่วมมือในระดับรัฐบาล และการต้อนรับอย่างอบอุ่น รวมถึงความปรารถนาดีจากประชาชนชาวไทย ข้าพเจ้าจะจดจำมิตรภาพ ความร่วมมือ และความเคารพซึ่งกันและกันที่ได้รับอย่างไม่มีวันลืม ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสานสัมพันธ์อันงดงามนี้

ก่อนที่ภารกิจของข้าพเจ้าจะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ข้าพเจ้าขอกล่าวจากใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้ง และความมั่นใจว่า ความสัมพันธ์ไทย-อิสราเอลจะยังคงมั่นคง แน่นแฟ้นและพัฒนาเฟื่องฟูอย่างต่อเนื่องยิ่งๆ ขึ้นไป