ถอดรหัส 'สี จิ้นผิง' เยือนเซี่ยงไฮ้ อยากบอกอะไรให้โลกรู้

สื่อชี้ 'สี จิ้นผิง' เตรียมลงใต้เยือน 'เซี่ยงไฮ้' สัปดาห์นี้ ลงพื้นที่ฮับการเงินดังครั้งแรกในรอบปีครึ่ง คาดโชว์ความแข็งแกร่งของจีนให้โลกเห็น รับมือสงครามการค้าไหว
ท่ามกลางสงครามการค้า และสงครามน้ำลายระหว่าง "สหรัฐ" กับ "จีน" ที่พูดไม่ตรงกันในเรื่องการเจรจาภาษี และสร้างความสับสนไปทั่วโลก แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนก็คือ รัฐบาลปักกิ่งกำลังพยายามเร่งทำแต้มอย่างเต็มที่ทั้งใน และนอกบ้าน เพื่อย้ำความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจจีนว่าจะยังสามารถเติบโตได้ตามเป้า และเป็นที่พึ่งให้กับประเทศอื่นๆ ในยามที่สหรัฐเอาแน่เอานอนไม่ได้
นอกบ้านนั้น ประธานาธิบดีจีน "สี จิ้นผิง" เดินทางเยือน 3 ประเทศในอาเซียนคือ กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในช่วงที่ทุกประเทศกำลังปั่นป่วนจากสงครามการค้า ตอกย้ำถึงความเป็นมิตรที่ดีต่อกันในภูมิภาค ส่วนในสัปดาห์นี้ "หวังอี้" รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ได้ไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มประเทศบริกส์ (BRICS) ที่บราซิล ย้ำว่าหากเลือกนิ่งเฉย และประนีประนอม รังแต่จะทำให้คนพาลไม่หยุดกลั่นแกล้ง จึงกระตุ้นกลุ่มประเทศบริกส์ร่วมคัดค้านการกีดกันทางการค้าทุกรูปแบบ และสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีอย่างหนักแน่น
ส่วนในบ้านซึ่งมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวสองรายว่า ประธานาธิบดีสี จะลงพื้นที่เยือนนคร "เซี่ยงไฮ้" ในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นการไปครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี เพื่อโชว์ศักยภาพศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศหลักของจีนให้โลกได้เห็น ในห้วงที่สงครามการค้ายิ่งเพิ่มความท้าทายให้กับเศรษฐกิจจีน
"การลงใต้" มุ่งหน้าสู่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งยังเป็นเมืองที่ตั้งโรงงานที่ใหญ่ที่สุดของยักษ์รถยนต์อีวีสหรัฐอย่าง "เทสลา" จะสะท้อนนัยการรับประกันความเชื่อมั่นจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนว่า เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลกแห่งนี้จะสามารถรับมือกับผลกระทบจากภาษีนำเข้า 145% ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกำหนดได้ แม้ว่าจีนจะเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกก็ตาม
อย่างไรก็ดี สำนักงานสารสนเทศของคณะรัฐมนตรีจีน ซึ่งรับผิดชอบด้านการสอบถามของสื่อ ไม่ได้ตอบกลับคำขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
อัลเฟรด อู๋ ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ กล่าวกับรอยเตอร์สว่า สี จิ้นผิงอาจใช้โอกาสในการลงพื้นที่เยือนเซี่ยงไฮ้ครั้งนี้ เพื่อเน้นย้ำถึงความสำเร็จล่าสุดด้านการพัฒนาเทคโนโลยี หลังจากที่ "ดีปซีก (DeepSeek) ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ตอัปด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของจีน เปิดตัวโมเดลเอไอที่เรียกเสียงฮือฮาไปทั่วโลกเมื่อต้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการรายนี้ไม่คิดว่าสีจะพูดแสดงความเห็นต่อสาธารณะเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า "จากการสังเกตสี จิ้นผิง เขาไม่ต้องการให้ใครเห็นจุดอ่อนของเขา"
โฟกัสที่เทคโนโลยี ฮับการเงิน และการจ้างงาน
สี จิ้นผิง ลงพื้นที่เยือนเซี่ยงไฮ้ครั้งล่าสุดตั้งแต่เดือนพ.ย.2566 โดยในครั้งนั้นเขาใช้โอกาสลงพื้นที่ฮับการเงินของประเทศเพื่อกระตุ้นให้เซี่ยงไฮ้พัฒนาจุดแข็งของตนเองในฐานะศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศ และขึ้นเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยี
ในครั้งนั้น สียังได้ลงพื้นที่อีกหลายมณฑลที่เป็นตัวแทนของกลุ่มเศรษฐกิจซึ่งถูกเรียกว่า "แถบเศรษฐกิจแม่น้ำแยงซี" (Yangtze River Economic Belt) พื้นที่ดังกล่าวประกอบด้วยเซี่ยงไฮ้ มณฑล และเมืองอื่นๆ อีก 10 แห่งตามแนวแม่น้ำแยงซี และเป็นศูนย์กลางการส่งออกที่สำคัญซึ่งคิดเป็นมากกว่า 40% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีน
ตัน หวัง กรรมการบริษัทยูเรเซีย กรุ๊ป ประเทศจีน กล่าวว่า สีอาจใช้โอกาสนี้ในการเยือนเซี่ยงไฮ้เพื่อผลักดันการใช้ "เงินหยวน" ให้แพร่หลายไปทั่วโลกมากขึ้น และสนับสนุนให้มีการจัดหาเงินทุนจากต่างประเทศมากขึ้น เพื่อสนับสนุนให้บริษัทจีนขยายธุรกิจไปทั่วโลก
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ แล้ว ปธน.สี ยังอาจเน้นไปที่เรื่องการผลิต และการจ้างงานด้วย
"หากสูญเสียคำสั่งซื้อจากสหรัฐไปครึ่งหนึ่ง ภูมิภาคนี้จะเผชิญกับการสูญเสียตำแหน่งงานเป็นจำนวนมาก " หวังกล่าว
ทั้งนี้ บรรดาเจ้าหน้าที่ทางการจีนต่าง กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนสามารถรับมือสงครามการค้าได้ ขณะเดียวกันก็แนะนำว่าอาจมีการออกนโยบายสนับสนุนเพิ่มเติมหากจำเป็น
จ้าว เฉินซิน รองประธานคณะกรรมการพัฒนา และปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ปักกิ่งยังคง "มั่นใจอย่างเต็มที่" ว่าจีนจะบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2568 ที่ประมาณ 5% ได้ จีนสามารถจัดหาถั่วเหลือง ข้าวโพด และธัญพืชอื่นๆ ได้เพียงพอโดยไม่ต้องนำเข้าจากสหรัฐ นอกจากนี้ จีนยังสามารถจัดหาพลังงานที่ต้องการได้โดยไม่ต้องซื้อจากสหรัฐ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์