3ปีหลังน้ำมันรั่วอ่าวเม็กซิโก

3ปีหลังน้ำมันรั่วอ่าวเม็กซิโก

เหตุแท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทบีพี ยักษ์ใหญ่น้ำมันอังกฤษ ระเบิดจนทำให้น้ำมันรั่วไหลสู่อ่าวเม็กซิโก ผ่านมากว่า 3 ปีแล้ว

การเคลื่อนไหวที่ยังดำเนินอยู่ในปัจจุบันคือการจ่ายเงินชดเชย และจับตาดูว่าจะมีคราบน้ำมันโผล่ขึ้นมาอีกหรือไม่

เมื่อวานนี้มีข่าวว่ากองทุนชดเชยกรณีน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกจำนวน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ของบีพี ใกล้หมด หลังการจ่ายชดเชยพุ่งสูงขึ้น 1.4 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสสอง

บีพี เหลือเงินกองทุนเพียง 300 ล้านดอลลาร์ และธุรกิจชายฝั่งซึ่งยื่นฟ้องดำเนินคดีแบบกลุ่ม สามารถยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายทางธุรกิจได้จนถึงเส้นตายในเดือนเมษายน 2557

สำหรับค่าเสียหายกรณีน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกที่ต้องจ่ายพิเศษ 1,400 ล้านดอลลาร์ เพิ่มเติมจากค่าเสียหาย 500 ล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งปีแรกนั้น แบ่งเป็น 900 ล้านดอลลาร์สำหรับการฟ้องร้องพิเศษ และประมาณ 500 ล้านดอลลาร์เป็นต้นทุนในการดำเนินงาน

บีพีจะต้องกลับเข้าสู่การพิจารณาคดีแพ่งในเดือนกันยายน โดยบริษัทเพิ่มกองทุนโดยรวมทั้งหมดเพื่อจ่ายชดเชยจาก 4.22 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็น 4.24 หมื่นล้านดอลลาร์

กรณีนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อปี 2553 ซึ่งแท่นขุดเจาะน้ำมันดีพ วอเทอร์ ฮอไรซอน ของบีพี เกิดระเบิด ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย และทำให้น้ำมันรั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโกเป็นเวลานานถึง 87 วัน นับเป็นหนึ่งในหายนะภัยด้านสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงที่สุดของสหรัฐและเป็นการรั่วไหลของน้ำมันที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ ข้อมูลของเวบไซต์ด้านสิ่งแวดล้อมระบุว่าพื้นที่บริเวณชายฝั่ง 16,000 ไมล์ได้รับผลกระทบตั้งแต่รัฐเทกซัส หลุยเซียนา มิสซิปซิปปี อลาบามา และฟลอริดา ทั้งยังมีรายงานว่าสัตว์ 8,000 ตัว ตายภายใน 6 เดือนหลังจากเกิดการรั่วไหล

หลังจากเวลาผ่านมากว่า 3 ปี บีพีได้ประกาศว่าปฏิบัติการทำความสะอาดในรัฐมิสซิปซิปปี อลาบามา และฟอลริดา ได้ยุติลงแล้ว เหลือปฏิบัติการอีกแห่งเดียวในรัฐหลุยเซียนา โดยบีพีกล่าวว่าได้ใช้เงินกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์เพื่อบรรเทาผลกระทบจากหายนะภัยดังกล่าว

บีพีแถลงว่าได้ปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยยามฝั่งสหรัฐ และฟื้นฟูพื้นที่บริเวณแนวชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก ด้วยการทำความสะอาดครั้งใหญ่ พร้อมกับดำเนินกระบวนการฟื้นฟูธรรมชาติ ซึ่งใช้คนกว่า 48,000 คนและชั่วโมงในการดำเนินงาน 70 ล้านชั่วโมง

นับจากนี้หน่วยยามฝั่งจะทำหน้าที่ติดตามดูแลในพื้นที่เพื่อดูว่ามีน้ำมันหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะหลงเหลืออยู่ เพราะกลุ่มสิ่งแวดล้อมหลายกลุ่มชี้ว่าน้ำมันอีกกว่าล้านแกลลอนยังหายไป

ก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้ว บีพียอมรับผิดในข้อหาอาญา กรณีแท่นขุดเจาะน้ำมันระเบิด และทำให้น้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก โดยบีพีได้ยอมความกับรัฐบาลสหรัฐและจ่ายเงินชดเชย 4,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นค่าปรับก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน

ย้อนหลังไปจะพบว่า ไม่กี่วันหลังจากแท่นขุดเจาะน้ำมันระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2553 กล้องใต้น้ำเผยให้เห็นว่ามีน้ำมันและก๊าซรั่วไหลออกจากท่อของบีพี ออกสู่พื้นมหาสมุทรที่อยู่ห่างจากชายฝั่งรัฐหลุยเซียนา 42 ไมล์ และกว่าจะมีการกั้นบ่อเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2553 หรือ 87 วันต่อมา น้ำมันประมาณ 4.9 ล้านบาร์เรลก็ได้รั่วไหลสู่อ่าวเม็กซิโก
หลังจากน้ำมันรั่วออกมาแล้ว ก็ไหลไปกับกระแสน้ำ บ้างก็ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำซึ่งสามารถลอยไปได้เร็วกว่าเพราะมีกระแสลมหนุน