เผยบทสนทนา54นาทีเที่ยวบินMH370

เผยบทสนทนา54นาทีเที่ยวบินMH370

สื่ออังกฤษ เผยบทสนทนาความยาว 54 นาทีสุดท้ายภายในห้องนักบิน MH370 พบจุดน่าสังเกต 2 เรื่อง ใกล้เวลาเครื่องหายจากเรดาร์

หนังสือพิมพ์เทเลกราฟของอังกฤษเผยบทสนทนาความยาว 54 นาทีสุดท้ายภายในห้องนักบินของเที่ยวบิน MH370 โดยส่วนใหญ่เป็นคำพูดตามปกติ แต่พบจุดน่าสังเกต 2เรื่องที่น่าสงสัยในช่วงใกล้เวลาสุดท้ายที่เครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์

เทเลกราฟได้เผยแพร่บทสนทนาที่เป็นการสื่อสารภายในห้องนักบินของเที่ยวบิน MH 370 ในช่วง 54 นาทีสุดท้ายก่อนเครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์เมื่อวันที่ 8 มี.ค. โดยเป็นคำสนทนาระหว่างนักบินผู้ช่วยกับหอบังคับการบิน และเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศอื่นๆ เริ่มตั้งแต่เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ER ลำนี้วิ่งแท็กซี่ไปตามรันเวย์จนถึงเครื่องบินหายไปหลังคำพูดสุดท้ายของนักบินผู้ช่วยฟาริก อับดุล ฮามิด ที่บอกว่า "เอาล่ะ ราตรีสวัสดิ์"

นักวิคเราะห์บอกว่า ลำดับเหตุการณ์ของการสนทนาทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปตามปกติทุกประการ แต่ก็มีจุดที่ผิดปกติอยู่ 2 แห่ง คือ คำพูดจากห้องนักบินเมื่อเวลา 1.07 น.ที่บอกว่าเครื่องบินอยู่ที่ระดับความสูง 35,000 ฟุต ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะพูดซ้ำ หลังจากเพิ่งพูดไปเมื่อ 6 นาทีก่อนหน้านั้น

และเวลา 1.07 น.เป็นช่วงนาทีสำคัญที่ระบบ ACARS หรือระบบรายงานสภาพของเครื่องยนต์บนเครื่องบินลงมายังภาคพื้นดินเป็นระยะ ได้ส่งข้อมูลสุดท้าย ก่อนจะไม่สามารถทำงานได้ในอีก 30 นาทีถัดมาที่เชื่อว่าเป็นการเจตนาปิดระบบนี้ และระบบทรานสปอนเดอร์ ซึ่งเป็นระบบแจ้งพิกัดและเพดานบิน ก็ถูกปิดในเวลา 1.21 น. แต่ทีมสอบสวนเชื่อว่า ระบบ ACARS ถูกปิดก่อนคำพูดสุดท้ายของฮามิดที่ตรงกับเวลา 1.19 น.

แต่สตีฟ แลนเดลส์ อดีตนักบินของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส บอกว่า เขาไม่คิดว่าการพูดย้ำเรื่องเพดานบินเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะนักบินอาจลืมหรือไม่มั่นใจว่าได้แจ้งไปแล้วหรือยัง

ส่วนอีกจุดน่าสังเกต คือ การหายไปของเครื่องบินไม่น่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ เพราะการขาดการติดต่อและการหันหัวกลับของเครื่องบินไปทางทิศตะวันตกอย่างรวดเร็วเกิดขึ้นในช่วงที่หอบังคับการบินมาเลเซีย กำลังจะส่งต่อให้หอบังคับการบินนครโฮจิมินห์ของเวียดนามติดต่อสื่อสารกับเที่ยวบิน MH370

สตีเฟน บุซดีแกน อดีตนักบินของสายการบินบริทิช แอร์เวย์ ที่บินเครื่องบินรุ่น 777 บอกว่า หากจะขโมยเครื่องบินเวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสม เพราะเป็นช่วงเวลาที่ภาค พื้นดินจะไม่เห็นเครื่องบินลำนี้ นอกจากนี้เทเลกราฟสรุปด้วยว่า จากบทสนทนาของนักบินอาจบ่งชี้ได้ว่า หากนักบินมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเครื่องบิน ก็ถือว่ามีความระมัดระวังอย่างดีมากในการปกปิดแผนการ

ส่วนการสอบสวนยังคงไม่ตัดประเด็นต่างๆ และล่าสุดสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ยอมรับว่า บนเครื่องบินมีแบตเตอรีลิเธียม-ไอออน ที่ติดไฟง่าย แต่ยืนยันว่า มีจำนวนน้อยและปฏิบัติตามกฎว่าด้วยสารขนส่งสารอันตรายขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ จากสถิติของสำนักงานการบินพลเรือนสหรัฐ ระบุว่า อุบัติเหตุทางอากาศ 141ครั้งช่วง 20 มีนาคม-17 กุมภาพันธ์ปีนี้ เกี่ยวข้องกับแบตเตอร์รีที่บรรทุกโดยเครื่องบินขนส่งสินค้า หรือในกระเป๋าสัมภาระ