กองทุนบำนาญมาเลย์ไร้สิทธิโหวตตั้งแบงก์ใหม่

กองทุนบำนาญมาเลย์ไร้สิทธิโหวตตั้งแบงก์ใหม่

ตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย อ้างผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่อนุญาตให้กองทุนบำเหน็จบำนาญ มีสิทธิลงคะแนนเสียงตั้งแบงก์ใหม่

ตลาดหลักทรัพย์มาเลเซียอ้างผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่อนุญาตให้กองทุนบำเหน็จบำนาญ "เอมพลอยยี โพรวิเดนท์ ฟันด์" หรืออีพีเอฟ มีสิทธิลงคะแนนเสียงในการควบรวมกิจการระหว่างซีไอเอ็มบี กรุ๊ป โฮลดิงส์ กับคู่แข่งอีกสองราย ทั้งๆ ที่อีพีเอฟเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของธนาคารทั้งสามแห่ง

ท่าทีของตลาดหลักทรัพย์มาเลเซียอาจเปิดทางให้ "อาบาร์ อินเวสท์เมนท์" ของดูไบ ผู้ถือหุ้นธนาคารอาร์เอชบี แคปิตอล มีสิทธิออกเสียงมากขึ้นในการควบรวมกิจการเพื่อตั้งธนาคารรายใหญ่สุดของมาเลเซีย ที่แหล่งข่าวในแวดวงการเงินคาดว่าอาจมีมูลค่าทางตลาดถึง 22,000 ล้านดอลลาร์

ผู้บริหารธนาคารหลายแห่งพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อีพีเอฟซึ่งถือหุ้นซีไอเอ็มบี 14.5% อาร์เอชบี 41% และมาเลเซีย บิลดิง โซไซตี 65% ได้เปรียบในข้อตกลงนี้ และอีพีเอฟร้องขอให้ตลาดหลักทรัพย์มาเลเซียละเว้นกฎที่ว่า กองทุนของรัฐไม่มีสิทธิลงคะแนน โดยให้เหตุผลว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับผลประโยชน์ของสมาชิก 14 ล้านคนของอีพีเอฟ

ตลาดคาดการณ์กันว่า หากอีพีเอฟไม่มีสิทธิโหวต อาบาร์ซึ่งมีสิทธิออกเสียงในอาร์เอชบีเพิ่มขึ้นจาก 21% เป็นประมาณ 36% จะพยายามสร้างเงื่อนไขให้ตนเองได้เปรียบ แต่อาบาร์ยังไม่ให้ความเห็นเรื่องการควบรวมกิจการครั้งนี้