เจ้าพ่อบอนด์ฟันธงตลาดพันธบัตรส่งสัญญาณศก.สหรัฐซบ
นายเจฟฟรีย์ กุนด์ลาช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทดับเบิลไลน์ กล่าวว่า การเกิดภาวะ inversion ของเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในระยะนี้เป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจจะอ่อนตัวลง
นายกุนด์ลาชถือเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดพันธบัตร ขณะที่บริษัทดับเบิลไลน์มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการมากกว่า 1.2 แสนล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาของบริษัทบีสโปก พบว่า การเกิดภาวะ inverted yield curve ในตลาดพันธบัตร ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว จะเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะตามมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2533, 2544 และ 2550
บีสโปก เปิดเผยว่า ในการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งแรกนั้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 3 ปีปรับตัวสูงกว่าพันธบัตรอายุ 5 ปี และหลังจากนั้น 26.3 เดือน ก็เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2533
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ในวันนี้ ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปี
เมื่อเวลา 01.45 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.795% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.777%
ขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.896% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.143%
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น ซึ่งได้รับผลกระทบจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับตัวค่อนข้างมีเสถียรภาพในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด และเจ้าหน้าที่เฟดทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้
ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อ และการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยกำหนดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว โดยนักลงทุนจะทำการคาดการณ์ว่าพวกเขาควรจะได้รับการชดเชยมากกว่าเงินเฟ้อเท่าใดในการถือครองพันธบัตรเป็นเวลาหลายปี